กลายเป็นธรรมเนียมของตัวเองไปแล้วว่า สิ้นปีในแต่ละปี จะต้องหาเวลาว่างๆสัก 1-2 วัน นั่งลงอยู่กับตัวเอง แล้วก็ค่อยๆเขียน Year In Review ของปีที่ผ่านมา
2024 เกือบจะเป็นปีแรกที่แหวกจากธรรมเนียมนี้ จริงๆแล้วเป็นความจงใจเป็นการส่วนตัว พูดกันตรงๆ ในช่วงธันวาที่ผ่านมา ยังรู้สึกค้างคากับปี 2024 เป็นความรู้สึกที่อยากจะดีเลย์เหตุการณ์ทุกอย่าง รอผลลัพท์จากสอบ viva ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 15 มค. 2025 แล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิต //กดดันตัวเองเบาๆ
ดังนั้น YIR2024 เลยต้องดีเลย์ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไปๆมาๆกว่าจะมีโอกาสได้เขียน ก็ปาไปเกือบสิ้นเดือน มค. แล้ว ถือว่าปี 2024 มี 13 เดือนละกันนะ ปีใหม่ตามปฎิธินจีน
#Me in 2024
จะว่าไปแล้ว 2024 เป็น Year of Thesis จริงๆ ปีนี้ทั้งนี้วุ่นอยู่กับการเขียนธีสิส กิจกรรมในแต่ละวันๆ คือ
- ตื่นเช้ามาตอน 10.00
- เทกาแฟ cold brew จากในตู้เย็น
- นั่งรถไปมหาลัย
- เปิดคอม ปั่นธีสิส
- เหลือบดูนาฬิกา เที่ยงคืนแล้ว
- รีบเก็บกระเป๋า นั่งรถบัสกลับบ้าน
- นอน
- วนไปข้อที่ 1 อีกครั้ง
วนๆไป ถึงจะมีหนีเที่ยวบ้างเป็นครั้งคราว 🤪🤪 ใช้ตังค์เก็บตัวเองใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนเพิ่ม 2 เดือน ในช่วงเวลาที่ค่าครองชีพขึ้น 10+% ทุกๆปี หมดไปหลายแสน literarily จนกลับไทยจริงๆ ช่วง สค. ปั่นธีสิสส่วนสุดท้าย และส่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 Nov 2024
สิริรวม ธีสิสฉบับแรกมีทั้งหมด 9 บท 310 หน้า OMG ใครจะไปคิดว่า /me จะสามารถเขียนอะไรแบบนี้ได้ พูดตรงๆ ถ้าย้อนกลับไปคุยกับตัวเองเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ไม่มีทางเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้
กว่าจะเสร็จ ลากเลือดพอสมควร และบทสรุปเกิดขึ้นในวันที่ 15 Jan 2025 ซึ่งเป็นวันสอบ viva โดยจะมีอาจารย์ 2 ท่านเป็นคนสอบ คือ อจ. ท่านนึงเป็นอาจารย์ทางด้าน sociolinguistics; อจ. Pavadee Saisuwan จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย and อจ. อีกท่านเป็นอาจารย์ทางด้าน machine learning; อจ. Joshua Reiss จาก QMUL
ไปๆมาๆ ใช้เวลาสอบทั้งหมด 2 ชม. กับอีก 20 นาที และ ผลสอบ คือ คือ คือ … Pass with minor corrections
สรุป คือ ผ่านละจ้า ได้เป็น ดร. แบบครึ่งตัวแล้ว (ให้เวลาแก้อีก 6 เดือน ก่อนที่จะได้ official title)
ในที่สุด…🎉🎉🎉 ปิดจบ Year of Thesis อย่างที่มันควรจะเป็น จบเรื่องราวในชีวิตนี้ไปอีก 1 องค์
ใดๆ กว่าจะมาถึงจุดนี้
- กราบขอบคุณ อจ. Matthew Purver อจ. supervisor ที่แสนดี
- กราบขอบคุณ อจ. Pavadee Saisuwan และ Joshua Reiss อจ. ที่สละเวลาอ่านธีสิสจนจบ และปล่อยให้ /me จบ ป.เอก
- กราบขอบคุณ ขุ่นย่า แม่ พ่อ พี่น้อง ครอบครัวที่คอยเป็นแหล่งพลังงานในทุกๆเวลาที่ /me เหนื่อย ท้อ หรือ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง จะว่าไปแล้ว ก็ชวนให้นึกถึงคำพูดนึง จากซีรีย์ Friends: You always believed in me man. Even, even when I didn’t believe in myself. — Joey to Chandler EP22SS8
- กราบขอบคุณ อจ. Attapol Thamrongrattanarit สำหรับประสบการณ์ collaboration (ที่ /me สัญญาว่าจะกลับไปแก้ journal ที่ค้างอยู่ให้เสร็จภายในปีนี้)
- กราบขอบคุณ อจ. Massimo Poesio, อจ. Arkaitz Zubiaga, อจ. Julian Hough และ อจ. Julia Ive สำหรับประสบการณ์ดีๆใน QMUL
- กราบขอบคุณ อจ. Juan Ye กับประสบการณ์ดีๆในช่วง ป.โท
- ขอบคุณ อาร์ม ผู้ช่วยทำข้อมูล และ นายหน้าหลอกคนมาทำข้อมูลอีกมากกว่า 80% ของข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ในธีสิส
- ขอบคุณ พี่ปริ้น เก่ง แจ๊ค แหล่งเงินทุนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
- ขอบคุณ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ จากที่ QMUL พี่แคน พี่นุ น้องเฟิร์น อารีฟ เอก ยุรี ฟร็องซ์ เอิร์ท หรือ จาก St. Andrews มายด์มายด์ เติร์ก Kenny Praneeth และ จากที่อื่นๆที่ชะตากรรมเหวี่ยงให้เรามาเจอกัน บุ้ง ปุ๊ อิง พี่แมน พี่นอ พี่ยุ้ย พี่ส้ม การอยู่อังกฤษคงจะเหงากว่านี้มากถ้าไม่มีทุกๆคน
- ขอบคุณ great flatmates ที่ชื่อเหมือนกันจนงง Michela, Mirela, Maiah, Luke, Richard และ พี่หนึ่ง ผู้ที่ไม่ขึ้นราคาค่าห้องตลอด 2 ปีหลัง และสมาชิกอีกตัวของบ้าน Meggie
- ขอบคุณ เพื่อนๆเก่าๆทุกๆคนที่แวะเวียนกันเข้ามาเจอกัน มิกกี้ แคมป์ หลวงพี่ แจ๊บ โต ชิงชิง พีจัง เอ เพิ่ม แวน โน๊ต น้ำข้าว ชารีฟ แป้ง ป้าแนน ตา และ อื่นๆอีกไม่ได้กล่าวถึง
- ขอบคุณ lab collegues; Ravi, George, Iacopo, Peyman, Zahraa, Xiangyan
มั่นใจว่า ต้องมีบางคนที่ตกหล่นไปบ้าง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ถ้าไม่ให้อภัยก็ไม่เป็นไร เรื่องของเมิงงง 😎😎😎 //โทดๆๆๆ
ในฐานะที่เป็นว่าที่ PhD ปีนี้ขอเขียนสรุปอยู่ในรูปแบบ visualisation แบบเบิร์ดๆแทนละกัน 🤓🤓
หยุดก่อนนนนนนน สำหรับคนที่เห็นแล้วกำลังจะด่าว่า ทำไมถึง visualise ออกมาห่วยๆ แบบนี้ มันช่างผิดหลักการ Expressiveness and Effectiveness จอง T. Munzer (2014) ในหลายๆจุดมากๆ
แต่ที่จงใจเขียนแบบนี้ จงใจเน้นมุมมองทาง aesthetic ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก โปรเจค Dear Data ของ G. Lupi & S. Posavec (2015) ซึ่ง /me ได้เขียนรายงานถึงในสมัยเรียน MSc //ถ้าใครสนใจ สามารถทักมาคุยกันได้
ใดๆ สิ่งที่ต้องการจะสื่อจาก visualisation นี้ คือ moments ต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยแบ่ง moments ออกเป็น 5 ประเภท
- Celebration โมเมนต์ของการเฉลิมฉลอง x3 ea
- Trip โมเมนต์ของการเดินทาง x4 ea
- Story โมเมนต์ของเรื่องราวที่น่าจดจำ x12 ea
- Art โมเมนต์จากการชื่นชมอาร์ต x9 ea
- Food โมเมนต์จากการได้ทำหรือได้กินเมนูอาหารแปลกๆ x6 ea
สิ่งนึงที่ /me พึ่งเห็นจาก visualisation คือ จะเห็นว่า moments ที่พล๊อตไป มันไม่ได้กระจายตัวแบบสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
ทุกๆอย่างดูเหมือนจะกระจุกอยู่แถวๆ Jun-Aug และอีกทีก็แถวๆ Dec-Jan2025 ไปเลย
พอนึกๆดูไป ก็พอเข้าใจเหตุผลได้ เพราะว่า ช่วง Jun-Aug ในปีนี้ เป็นช่วงท้ายๆในการอยู่ที่อังกฤษ ก่อนจะเดินทางกลับไทยเลยขอถือโอกาสลั้นลาๆ ไล่เก็บตกอะไรๆที่อยากทำ และโมเมนต์ในช่วงปลายปี ส่วนใหญ่จะเป็นโมเมนต์ที่เกี่ยวข้องกับ viva ภาพรวมของปีนี้เลยกลายเป็นแบบนี้
Three Big Celebrations
3 โมเมนต์ของการเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้นในปี 2024 จะพูดว่าเป็นโมเมนต์แห่งความสุข ก็พูดได้ไม่เต็มปาก พักหลังๆ พบว่า รูปแบบความรู้สึกสุขของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปมากจากสมัยเป็นเด็กน้อย จากความรู้สึก สนุกสนาน แฮปปี้ เฉลิมฉลอง ถูกลดทอน และ เริ่มค่อยๆเปลี่ยนไปแทนที่ด้วย ความรู้สึกยินดีและขอบคุณเบาๆกับตัวเอง ความรู้สึกอุ่นๆจากกลุ่มคนสนิทๆรอบตัวทักทายมาแล้วบอกว่า “ยินดีด้วย” เพราะ “สิ่งที่เอ็งทำมา มันมีคนรับรู้แล้วนะ”
ความรู้สึกนัวๆที่โดยลดทอนไปนี้ คงเป็นเพราะอายุที่มากขึ้น ทำให้พบความจริงนึงว่า โมเมนต์ของการเฉลิมฉลอง มันเป็นแค่ด้านเดียวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แท้ที่จริงแล้วมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นทั้งในตอนก่อนและหลังการเฉลิมฉลองเหล่านี้ และในเรื่องราวเหล่านั้นมักประกอบไปด้วยอารณ์ต่างๆ อย่างความรู้สึกโกรธ เหนื่อย ท้อ และน้ำตา ไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้นการเฉลิมฉลองให้กับแค่ผลลัพท์นึงที่เกิดขึ้น อาจจะทำให้เราเผลอลืมเรื่องราวอื่นๆระหว่างทาง แต่การจมอยู่กับความรู้สึกแย่ๆไปตลอดก็ทำให้เราเผลอลืมยินดีกับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงไปของตัวเราเอง มัดๆรวมๆกัน เลยลงเอยที่ความรู้สึกนัวๆ ขอบคุณตัวเองที่อดทน และก็โอบรับเหตุการณ์ต่างๆทั้งดีและร้ายที่ชี้นำให้มาอยู่จนถึงจุดนี้
Accepted Paper @ SemDial 2024
โมเมนต์ของการเฉลิมฉลองแรก คือ เปเปอร์ที่ 3(?) ได้ accepted ที่ SemDial 2024 ที่ Trento, Italy เป็น workshop เล็กๆ สำหรับงานวิจัยที่เกี่ยวกับ dialogue น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปนำเสนอด้วยตัวเอง เพราะตอนนั้นไม่มีเชงเก้นวีซ่าแล้ว
และนอกเหนือจาก accepted paper แล้ว จริงๆปีนี้ได้ rejection ไป 3 เปเปอร์ ยังคงเศร้าเหมือนเดิมทุกครั้งที่ได้ rejection ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้วก็ตาม 😢
Demonstrator Award Nomination
อีกโมเมนต์นึงที่น่าเฉลิมฉลองในปีนี้ คือ /me ได้รับเลือกเป็น nominee ของรางวัล EECS Demonstrator Award ต้องขอขอบคุณ อจ. Massimo และ Julia มากๆที่เสนอชื่อเข้าไป เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้ทำงานเป็น TA หรือ Demonstrator รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้ให้คำปรึกษาทั้งเรื่องวิชาการ ไปจนถึงแนวทางการเรียนให้กับนักศึกษา สนุกไปกับการตรวจรายงาน ไปพร้อมๆกับฝึกความสามารถในการแยกแยะรายงานที่เขียนด้วยคน หรือ ChatGPT
//ถ้าใครสนใจจะจ้างเป็นอาจารย์ชั่วคราวที่มหาลัยไหน ติดต่อได้เลยนะฮะ
ใดๆ ไม่ได้รับรางวัลนะฮะ
Viva Voce
โมเมนต์นี้โดนอ้างถึงไปแล้ว นั้นคือ การเฉลิมฉลองกับการผ่านการสอบจบ ป.เอก (Pass with minor corrections) เอาจริงๆในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จบ ป. เอก เป็นความฝันที่ไม่กล้าเอื้อมมากๆ วนๆอยู่กับความรู้สึกทางลบ tired confused overwhelmed nervous afraid แต่ความรู้สึกที่มีปัญหามากที่สุด คงหนีไม่พ้น self-doubt เป็นความกลัวว่าความสามารถของเรามันยังดีไม่พอ เป็นความกลัวว่าสิ่งที่เราทำไปมันผิด เป็นความกลัวว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ได้มีประโยชน์ หรือ มีคุณค่าไม่มากพอ
เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจว่า ทำไมหลายๆคนถึงไม่อยากให้คนอื่นเรียกตัวเองว่า “ดร.” ในช่วงที่ยังไม่รู้ผลแน่นอน เพราะกลัวว่า สิ่งนั้นจะไม่เป็นจริง
เอาจริงๆ ถึงปัจจุบัน /me ก็ยังไม่มีทางออกให้กับความรู้สึก self-doubt ของตัวเอง แต่อยากจะฝากภาพๆนึงที่ /me ประทับใจมากๆ เอาไว้
สำหรับชาว PhD Student อยากจะฝากคำพูดนึงของ อจ. Joshua Reiss ที่พูดในช่วง viva
/me ว่า ประโยคนี้เป็นประโยคที่ธีมของการเรียน ป.เอก ได้ตรงประเด็นสุดๆ หวังว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จในการเรียนของตัวเองฮะ
Four Trips of Discovery
อย่างที่พูดไปว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการเขียนธีสิส ปีนี้ทั้งปีเลยไม่ได้ออกไปซ่านอกประเทศเลย กลัวเขียนธีสิสไม่เสร็จ การเดินทางออกนอกประเทศแค่ครั้งเดียว คือ ตอนกลับไทย นอกจากนั้นเป็นแค่ 4 ทริปสั้นๆในประเทศอังกฤษ
Wild Garilc And Where to Find Them
เริ่มต้นทริปแรกของปีนี้ด้วยทริปตามหา Wild Garlic หรือ กระเทียมป่า ซึ่งทริปนี้เริ่มต้นจากเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว เป็นวันที่ ปุ๊ เพื่อน ป.เอก จากเมืองลัพบล้าอันแสนห่างไกล มาเยี่ยมที่ลอนดอน แล้วเจอว่า /me ยอมจ่ายตังค์ 15 GPB เพื่อซื้อกระเทียมป่าในตลาด Borough ในขณะที่ปกตินางสามารถเก็บไอ้กระเทียมป่าพวกนี้แบบฟรีๆได้จากคลองแถวบ้าน
เราจะไม่ยอมเสีย 15 GBP เพื่อหญ้าข้างทางแบบนี้อีกต่อไป 😤😤
ท้ายที่สุดเลยได้เป็นทริป โดยมีจุดประสงค์หลัก คือ ไปเก็บกระเทียมป่ามาต้ม hotpot กินกัน
วันที่ไป ได้เก็บ Wild Garlic มาเยอะมาก จริงๆ อยากจะเก็บเยอะกว่านี้ แต่กลัวชาวบ้านแถวนั้นด่าว่าไปทำลายธรรมชาติ เพราะ Wild Garlic แถวนั้น มันขึ้นเองแถวรอบๆคลองเลย ธรรมชาติสุดๆ เฮฮาๆ
ระหว่างทางก็ไปเจอไร่สีเหลืองอร่ามจาก ดอก Rapeseed ซึ่งเป็นดอกที่เขาจะเอามาทำน้ำมัน มีเพื่อนญี่ปุ่นที่ไปด้วยกัน เล่าให้ฟังว่า ที่ญี่ปุ่น ก็มีตอกนี้เยอะมากๆเหมือนกัน เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า นาโน๊ะฮานะ
เป็นทริปอีสเตอร์ที่แฮปปี้มากๆ ขอบคุณปุ๊ที่ชวนไปมากๆฮะ
Manchester Liverpool and Polar Bear
ทริปนี้จริงๆแล้ว ต่อเนื่องจากไปลัฟบล้า แต่ยังไม่อยากกลับลอนดอน เลยอยากถือโอกาสเที่ยวแถวๆนั้นก่อน โดยมีจุดหมายที่สำคัญที่สุด คือ ไปตามหาพี่หมีขาวโพลาแบร์ 🐻❄️🐻❄️ ที่ Yorkshire Wildlife Park
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องงี่เง่า แต่ถ้ากลับไทยแล้ว คงมีโอกาสจะได้เจอหมีขาวยากมากๆเลยนะ เพราะสวนสัตว์ไทยไม่มี ไทยมีแต่หมีแพนด้า 🐼🐼 (ที่พึ่งส่งกลับไปแล้ว) และ หมีกรีซลี่ก็มีแต่ในอเมริกา 🐻🐻
จากแผนเดิมแค่ไป Wildlife Park ก็เริ่มมีต่อไปเมืองนู้นนี้นั้นไปเรื่อย จนกลายเป็นทริปนี้
ทริปนี้ เริ่มต้นจากเมือง Manchester แน่นอนว่าไปแล้วก็หนีไม่พ้น ไปสนามบอล ไปเยี่ยมสนาม Old Trafford ของ ปีศาจแดง Manchester United ซึ่งแน่นอนว่า ไม่อิน
แต่ที่อินมากกว่า คือ จองไปดู XS Malarkey Comedy Club เป็นคลับเล็กๆใต้ทางเดินรถไฟ ที่จะมี Stand up Comedian มาเล่าเรื่องตลกๆ สารภาพเลยว่า /me ไม่เข้าใจเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งเพราะ accent แปลกๆ + จังหวะการพูดที่เร็วมากๆ แถม jokes ส่วนใหญ่เป็น joke ที่ local มากๆ สำหรับเฉพาะคนที่เติบโตมาใน UK แต่ใดๆ คนในห้องดูจะตลกกันมาก ก็พลอยสนุกไปกับเขาด้วย
และก่อนออกจาก Manchester ได้มีโอกาสไปสักการะ เครื่อง Manchester Baby หรือ SSEM เครื่องคอมพิวเตอร์ต้นแบบของ Mark I และเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก
ความเจ๋ง คือ เจ้า Baby มีหน่วยความจำแค่ 1kb แต่มีขนาดใหญ่เท่าห้อง 1 ห้อง แต่ปัจจุบัน มือถือเรามีหน่วยความจำ หลายๆ GB ซึ่งนับเป็นล้านเท่าของเครื่อง Baby แต่มีขนาดเท่าฝ่ามือ นี้คือความสุดยอดของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
เมืองต่อมา คือ Liverpool นอกจากทีมหงส์แดงแล้ว ความสวยงามของเมืองๆนี้ คือ เสียงเพลง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากวงตำนานของโลก อย่าง The Beatle และเป็นที่มาของ British Invasion ทางศิลปวัฒนธรรมใน US
เอาจริงๆ เป็นเมืองแห่งบทเพลงจริงๆ ในย่านกลางเมือง จะได้ยินเสียงไวโอลินแว่นๆมาตามสายลม เพลินๆ เดินรอบๆเมืองไปแล้วก็ฟังเพลง Yellow Submarine ไป
ที่สำคัญ คือ ไปสักการะรูปปั้น Alan Turing; – The lost apple.
และจุดสุดท้ายก่อนกลับลอนดอน และเป็นเป้าหมายของทริปนี้ คือ Yorkshire Wildlife Park ที่ซึ่งอยู่กันดานมาก ห่างไกลจากทุกสิ่ง ต้องต่อรถไฟหลายขบวน แถมนั่งรถบัสอีกเป็นชั่วโมง แถม /me โดนรถบัสขาไปเทกลางทาง ใครจะรู้ว่า ปัญหา รถหมดระยะ ไม่ได้มีแค่ใน กทม. เลยต้องเดินไปอีกหลายกิโล
แต่ใดๆ คือ คุ้มมากกกกก ได้เจอพี่หมีขาวตัวใหญ่มากๆ Yorkshire Wildlife Park เป็นพื้นที่ดูแลหมีขาวที่ใหญ่ที่สุดใน UK (6 ตัว)
ความเจ๋ง คือ หมีขาวแต่ละตัว จะมีพื้นที่เป็นของตัวเอง แบบกว้างมากกกกกกกกกกกก แถมมีสระน้ำเป็นของตัวเอง 🧊🧊
แถมในที่สุด /me ก็ได้เจอ Red Panda หมีแพนด้าแดง หลังจากไปตามหาที่สวนสัตว์มาแล้ว 4 ที่ แต่ไม่เคยได้พบตัว โว๊ะ น้อวววววววว ขนฟูสุดๆ อยากกอด
Cardiff Workshop
ทริป Cardiff จริงๆแล้ว เป็นทริปกึ่งเที่ยวกึ่งเรียน เพราะแรกเริ่มเดิมที ตั้งใจไปทริปนี้ เพราะอยากไป Cardiff NLP Workshop ที่จัดขึ้นที่ Cardiff University ไปฟังสัมนา พร้อมๆกับ พรีเซ้นต์งานของตัวเองที่ลองทำเล่นๆ ไปๆมาๆ กลายเป็น 1 บทในธีสิสเฉยเลย
แต่อุตส่าได้ไปแถวนั้นแล้ว เลยขอหนีเที่ยวเมืองแถบๆนั้นซะด้วยเลย ลงเอยที่ Bath ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมับยุคโรมัน และแน่นอนว่า ตามชื่อเมือง เป็นเมืองที่มีโรงอาบน้ำโบราณ เสียดายที่ไม่มีบริการอาบน้ำ แต่มีให้ชิมน้ำจากอ่างโบราณนะ แบบพาสเจอไรซ์แล้ว
แต่ Highlight ไม่ได้อยู่ที่ Bath แต่เป็นกองหินโง่ๆที่อยู่แถวๆนั้น ที่เรียกว่า “Stonehenge”
เอาจริงๆ หลายๆคนที่มาเที่ยวอังกฤษจะชอบบอกว่า ไป Stonehenge แล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่แนะนำให้ไป
แต่สำหรับ /me รู้สึกประทับใจมากกกกก สำหรับคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับ Anthropology & Civilisation /me ว่า Stonehenge เป็นจุดที่พลาดไม่ได้ เพราะมันเป็นอีกจุดๆหนึ่งที่ย้ำบอกว่า เราในฐานะมนุษย์ที่เป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ แต่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
อยากจะบอกว่า หินที่ Stonehenge มันใหญ่สุดๆเลยนะ /me ว่า Stonehenge น่าตื่นตามากกว่า พระราชวังแวร์ซาย ซะอีก จิตนาการไม่ออกเลยว่า ในยุคหิน เราจะต้องใช้แรงกาย แรงใจ ขนาดไหนที่จะสร้างสิ่งๆนี้ขึ้นมา ในภาพที่ไม่มีเครื่องมือสมัยใหม่แบบปัจจุบัน
Newton’s apple at Cambridge
ทริปสุดท้าย เป็น 1-day trip แบบงงๆ เพราะว่า มีเพื่อนขุ่นแม่มาเที่ยวที่อังกฤษ เลยได้โอกาสไปเที่ยว Cambridge อีกครั้งก่อนกลับ และในที่สุด ก็ได้เจอต้น apple ของ Sir Issac Newton – the second apple that changes the world //แต่เอาจริงๆ myth เกี่ยวกับ Newton’s apple อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงๆก็ได้ Who knows?? 🤔🤔
Twelve+1 Memorable Stories
สำหรับโมเมนต์นี้ จริงๆแล้วเป็นแค่เรื่องราวเล็กๆแต่น่าจดจำที่เกิดขึ้นในปี 2024
บางอันดูจะเป็นเรื่องราวโง่ๆ ถ้าย้อนกลับมามอง คงงงว่าทำไมชั้นถึงต้องเจออะไรแบบนี้
หลายๆอันก็เป็นแค่บรรยากาศที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลานึงๆ
(Almost) Lost Luggage
/me กับปัญหาเกี่ยวกับการเดินทาง ดูเหมือนจะเป็นของคู่กัน เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดีเอาซะเลย ในช่วงหลายปีที่อยู่อังกฤษ สารภาพว่า จองรถไฟผิดในแต่ละปี มีมูลค่าไม่ต่ำว่า 100 GBP ล่าสุดจองเครื่องบิน กรุงเทพ-ภูเก็ต ผิดเดือน OMG OMG OMG
พยายามถามตัวเอง ทำไมนะ!!
ละอิเรื่องราวกระเป๋าที่เกือบหาย ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องในธีม การเดินทางสุดหรรษาของข้าพเจ้า และเป็นเรื่องราวที่เกิดตั้งแต่ต้นปี ความทรงจำดีๆของ 2024 เริ่มต้นจากกระเป๋าหายไปเลยยยยยยย 😵😵
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นในช่วงที่ต้องเดินทางกลับอังกฤษหลังปีใหม่ แน่นอนว่า ก่อนเดินทาง เพื่อนๆทุกคนล้วนอวยพรเป็นเสียงคล้ายๆเดียวกัน ขอให้เมิงเดินทางรอบนี้ไม่มีปัญหา และในรอบนี้ /me ก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี (หลังจากเดินทางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ทริป ตลอดหลายปีที่ผ่านมา) และ ทุกอย่างก็เหมือนจะลงตัว ไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ไปขึ้นเครื่องบินทัน เครื่องบินไม่ดีเลย์ คุยกับแอร์รู้เรื่อง ไม่มีปัญหาตอนต่อเครื่อง etc
ทุกอย่างเรียบร้อยจนถึงเวลารับกระเป๋า … ในจังหวะที่จะทักไปเย้ยหยันเพื่อนๆที่ปรามาสว่า /me มาพร้อมกับอาถรรพ์ แต่ไม่วายได้ส่งข้อความ
อยู่ๆก็เริ่มตระหนักได้ว่า กระเป๋าในสายพานของตัวเองมันหมดแล้ว แต่ /me ยังไม่ได้กระเป๋า เอิ่มมมมมม เอาแล้วววววว โดนเล่นอีกละ 😱😱
ไปๆมาๆ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่จนพบว่า ถึง /me มาอังกฤษ แต่ดูเหมือนว่า กระเป๋าจะอยากจะไปเที่ยวออสเตรียก่อน ทำไมเมิงไม่ตามมาดีๆ ถามจีงงงงงงงง ตั้งสติกลับบ้าน ยังดีที่พอมีเสื้อกันหนาวติดตัว
เรื่องราวที่ดูเหมือนจะจบ ก็ไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะวันหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่า เจอกระเป๋าแล้ว 🎉🎉 นัดแนะให้มาส่งที่บ้าน
และในเวลาเที่ยงคืนวันนั้น ก็มีโทรศัพท์โทรมาบอกว่า มีกระเป๋ามาส่งนะ แต่นางขับรถเข้าซอยไปไม่ได้ นางงอล ทำไมไม่บอกก่อนว่า ถนนหน้าบ้านห่วย นางเลยขับกลับสนามบินแม่งเลย …. เอิ่มมมมม เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนน โน่ววววววววววว OMG เมิงกลับมาส่งของก่อนนนน เดี่ยวไปรับเองที่หน้าซอยก็ได้ โอ๋ๆ ไม่งอลๆๆ
ท้อใจ แนวทางการทำงานแบบอังกฤษที่แท้ทรู เวลานั้นต้องมาลุ้นต่อว่า กระเป๋ากรูจะไปอยู่ไหน มันจะกลับมาอีกไหม แถมในกระเป๋ามีปลาทอดที่พี่คนนึงฝากถือมาให้ด้วย มันจะเน่าคากระเป๋าไหมนะ
ยังดีที่ ในวันต่อมา เจ้ากระเป๋าก็กลับมาที่บ้านโดยดี รอบนี้คนขับไม่งอลแล้ว โอ๋ๆ
Music in the Park
นี่แหละมั้ง คือ สิ่งที่เรียกว่า ความสุขใจ
Cricket at Lord Stadium
หลายๆคนอาจจะไม่รู้จัก Cricket แต่มันคือกีฬาประจำชาติ India เลยนะ และแน่นอนว่ามีต้นกำเนิดมาจากถิ่นผู้ดีอังกฤษนั้นเอง และนี้ก็เป็นโมเมนต์การไปดู Cricket ครั้งแรก กราบขอบคุณ Praneeth เพื่อนชาวอินเดียผู้แสนใจดี อธิบายกฎคร่าวๆให้ฟัง (นี่ก็ศึกษาไปแล้วนะ แต่ไปดูจริงๆก็ยังงง??)
และที่ช๊อคตอนหลัง คือ พึ่งรู้ว่าแมทซ์ที่ไปดู จริงๆเขาแข่งกัน 3-5 วัน OMG OMG เล่นอะไรกันนานนนนขนาดนั้น
ตามล่าหา Northern Light
I hate Northern Light 🌌🌃 … ปี 2024 เป็นปีที่มี Aurora ไกลถึง London เลย แบบงงๆ และเข้าใจว่าปี 2025 น่าจะเป็นจุดพีคของ solar cycle ของรอบนี้
และในช่วงเวลาที่เพื่อนๆใน UK ตื่นเต้นกับการได้เห็น Aurora กัน สิ่งที่ /me เห็น คือ ท้องฟ้าสีดำๆ นี่น่าจะเป็นคนเดียวใน UK ในตอนนั้นที่ไม่ได้เห็น Aurora กับเขา 🤯🤯 //ถึงกับตั้งแก๊งไปตามล่าแสงเหนือ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรกลับมา
เพื่อนๆรอบตัวๆ เจอแสงเหนือในลอนดอนกันหมด แล้วชั้นล่ะ
— 😾😾😿 (@ChameleonTK) May 11, 2024
ซ้าย คือ บ้านชั้น
ขวา คือ บ้านเพื่อน
โว๊ะ อยู่เมืองลอนดอนเดียวกันไหมนะ pic.twitter.com/8xd7XyTegZ
1st Fine-dining Experience
2024 ได้มีโอกาสไปลอง Fine-dining Experience ครั้งแรก จากร้าน Six By Nico
ธีม คือ Trust เป็น 10-Course Experience ที่จะไม่มีรายละเอียดของเมนูมาให้ แต่ให้เราเดาเอาว่า ในแต่ละจานใช้อะไรเป็นวัตถุดิบ แล้วเขาจะเฉลยตอนท้าย
มัน คือ สุนทรียะบนจานอาหาร จริงๆ
Glass Bubble 101
ลงคอร์สเรียนเป่าแก้ว เอาจริงๆ เรียนไปก็ยังคงทำงานจริงๆไม่ได้ เป็น Basic สุดๆ แต่เป็นประสบการณ์เพลินๆ และดีใจที่ได้ลงเรียน
Homemade Kumbucha
ปีที่แล้วเริ่มหมกมุ่นอยู่กับเบียร์/กาแฟ มาปีนี้ ลองเปลี่ยนมาเล่น Kumbucha เป็นการหมักน้ำชาแบบนึง ทำให้ชามันเปรี้ยวๆซ่าๆ ถามว่า มีประโยชน์อย่างไร?? ไม่รู้เหมือนกัน แต่ชอบเพราะสนุกที่ได้ลอง
ปัจจุบัน แบกน้อง Scopy จากอังกฤษกลับมาที่ไทยด้วยนะ ใครอยากจะได้น้องไปเป็น starter kit ทักมาคุยกันได้ๆๆ
Pottery 101
ปีนี้ลงเรียนปั้นดินไป 2 คอร์ส เริ่มตั้งแต่ปั้นแบบไม่ใช้จานหมุน ไปจนถึงปั้นแบบจานหมุน รู้สึกเพลินมากๆ ถ้ามีเวลาและทุนอีก อยากจจะลงเรียนอีก
EURO2024
Bye Bye London
ปีนี้ ปีสุดท้ายที่มีทุนให้มาเรียน อยู่ลอนดอน ถึงเวลาที่ต้องจากลาละนะ
I hate moving. I hate leaving one place for another. I hate changes. I hate the empty room where vivid memories are...
โพสต์โดย Pakawat Nakwijit เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2024
Hair Cut
/me ตัดผมละนะ หลังจากเป็นสาวอยู่ 4-5 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกว่า จะเก็บไว้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจบเอก เป็นสัญญะของการเดินทางในครั้งนี้
และในที่สุดก็ถึงเวลา ตัดแล้วส่งบริจากกับมูลนิธิ “จากนางฟ้าถึงคุณวันใหม่” ขอให้มันได้มีประโยชน์กับคนที่ได้รับไปนะฮะ
The Return of the Cats
ตัวเก่าหายไปตัวใหม่เข้ามา เป็น motto ของนังแมวที่บ้าน บ้านนี้แมวมีความหมุนเวียนสูงมาก งงสุดๆ
แต่ที่แวะๆเข้า เป็นเหล่าแมวจร มาๆไปๆ จนแล้วจนรอดมีนังหลงเป็นตัวเดียวที่สถาปณาตัวเองเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร
นอกจากนี้ ปีนี้ ภาระยังไม่มากพอ ขุ่นแม่รับตัวใหม่มาเพิ่มอีก 1 ให้ชื่อว่า ไอ้เสือ
สรุปตอนนี้เลยมีแมวผู้อยู่อาศัยถาวร 3 ตัว คือ ไอ้เสือ นังหลง และ นังกำไล
และอีเวนต์ใหญ่ประจำปีนี้ หนีไม่พ้น อีเว้นต์แมวหาย งงมาก ด้วยว่าที่บ้านเลี้ยงแมวเป็นแบบเปิดมากๆ ตัวไหนจะมาจะไปก็ตามใจคุณ วันดีคืนดี ไอ้เสือไม่ยอมกลับบ้าน หายไป 2 วัน วิ่งวุ่นตามหา สักพัก นังกำไลก็หายไปอีกตัว
บางคนอาจจะไม่เชื่อ ว่ากันว่า ถ้าแมวหายแล้วให้ไปคุยกับแมวเจ้าถิ่น และมันใช้ได้จริงๆ
เริ่มจากไอ้เสือกลับมาอย่างปลอดภัย และ นางกำไลก็กลับมา แต่ด้วยสภาพขาเดินกะเผลกๆ 😢
ใดๆ แมวกลับบ้านมาครบทุกตัว 🤣🤣 ขอขอบคุณท่านแมวเจ้าถิ่น ซึ่งไม่ใช่คนอื่นไกล นังหลง เจ้าถิ่นที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรนั้นเอง
Nine Art moments
การมาอยู่อังกฤษหล่อหลอมการเสพ Art จนกลายเป็นนิสัยไปแล้ว
เคยมีน้องคนนึงถามว่า Art คืออะไร? นั้นซินะ! /me คงไม่สามารถตอบได้อย่างถูกต้อง 100% เพราะคำถามนี้ถูกถามซ้ำๆ โดยศิลปินหลายๆท่าน ผ่านการขยายขอบเขตนิยาม จนพูดได้ว่า ปัจจุบันอะไรๆก็เป็น Art ได้ละมั้ง
ขนาดโถฉี่ หรือ การผัดผัดไทย ก็เป็นศิลปะได้
/me ว่า ในวันที่ Art มันกลายเป็นอะไรก็ได้แล้ว คำถามที่สำคัญ คือ Artist ต้องการสื่อสารอะไร? และ สิ่งที่เขาต้องการสื่อสารมันส่งมาถึงเราแค่ไหน? //เริ่มมีความซีเรียสและเป็นปรัชญาละ
ใดๆ คงไม่สามารถบอกได้ว่า /me เข้าใจ art ทุกชิ้นที่ที่ไปเสพ และ มันก็ไม่ผิดและก็ไม่แปลกประหลาดอะไรด้วยนะ เพราะมันคือการเดินทางของตัวเราเอง ในทุกๆปี /me เลยอยากจะพยายามๆลองอะไรใหม่ๆ เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจ classic pieces แล้วค่อยๆขยายขอบเขตความเข้าใจของตัวเอง
2024 ปีนี้ /me นอกจาก painting หรือ orchestra (ที่ไปเสพบ่อยๆอยู่แล้ว 💸💸) แต่ที่เพิ่มเติม คือ opera, ballet, musical และ หนังอีกหลายๆเรื่อง
ปีนี้ไปฟัง Opera มา 2 เรื่อง
- The Barber of Seville
- Tosca
โชคดีมากๆที่มีโอกาสได้ดู 2 เรื่องนี้ เรื่องนึงเป็น Commedy แสดงที่เวทีแบบเปิด อีกเรื่องเป็น Tragedy แสดงในโรงละคร ได้บรรกาศที่แตกต่างอย่างชัดเจนมากๆ
…Figaro …Figaro …Figaro 🎶🎶
เอาจริงๆ สารภาพว่า เป็นประสบการณ์ที่ไม่อิน เพราะ classic opera พวกนี้ ส่วนใหญ่ๆ ร้องเป็นภาษาอิตาลี ดูการแสดงไปก็ต้องเหลือบไปดูซับอีก 😢😢 แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ได้ลอง
สำหรับ Ballet โชคดีที่ london กำลังมีการแสดง Swan Lake อยู่พอดี
มันดีงามสุดๆ งงมากว่า เขาเต้นบนปลายนิ้วแบบนั้นได้ยังไง สุดยอดๆๆๆ
สำหรับ Musical ตลอด 4 ปีที่อยู่ในลอนดอน ไปดูมาแล้วก็หลายเรื่อง และอันที่ประทับใจที่สุด คือ เรื่องที่ไปดูปีนี้ นั้นคือ The Phantom of the Opera
มันคือ the best of the best (แต่นี่ให้เป็นที่ 2 รองจาก The Cats 😼😼😼 ที่ไปดูที่เยอรมัน)
และอีกเรื่องที่พีค คือ The King and I เอาจริงๆ เป็น Musical ที่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ความพีค คือ มันเป็นเรื่องราวจากสมัย ร.4 ของไทย จากงานเขียนของคุณ Anna ที่มาสอนภาษาในไทย และเรื่องนี้แน่นอนว่า โดนแบนในไทย ซึ่งหลังจากไปดูแล้วก็เข้าใจได้ว่า ทำไม??
et cetera… et cetera… et cetera…
ส่วนที่เหลือ เป็นโมเมนต์จากการดูหนังต่างๆ อย่าง
The Lord of the Ring Trilogy //อยู่ในโรงหนัง 12+ ชม. เข้าโรงหนังตอนเช้า ออกจากโรงหนังตอนเย็น ทรหดมากๆ แต่เป็นอีกเสียงที่จะบอกว่า It is timeless จริงๆ
The 10th anniversary Interstellar in IMAX //ตื่นตามากๆกับการย้อนกลับมาฉายในโรงแบบ film 70mm อีกครั้งของหนัง Interstellar
Shakespeare Must Die //การกลับมาฉายของหนังที่โดนแบนไปกว่า 10+ ปี
นอกจากนี้ ก็เป็นโมเมนต์การเสพ Art ตามที่ต่างๆ
Six Food Around the world
ส่วนสุดท้ายนี้ เป็นโมเมนต์สำหรับมื้ออาหารต่างๆ ปีนี้ไม่ได้ทำกินเองมาก แต่ก็มีได้ลองกิน/ทำอยู่หลายเมนู
- Texas BBQ จาก ร้าน Burnt Smokehouse มัน คือ ความดีงามของเนื้อ Brisket ใครไปลอนดอน อยากให้ลองสุดๆ
- Jellied Eel เมนูคลาสสิกของ London ที่ไม่น่ากิน และ ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จากสมัยสงครามเย็น
- ไข่พระอภัย เป็น Molecular Gastronomy ที่ลองทำเองครั้งแรก เจ๋งสุดๆ
- ….
#What I learn from 2024
- The human brain provides cognitive resources for maintaining about 150 active social relationships — Dunbar (1998)
It is a sciencific proof that you cannot be friend with everyone.
-
Can you to being you for a moment? คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญที่เราเข้าใจมากขึ้นในปีที่ผ่านมา และอยากจะย้ำกับตัวเองบ่อยๆขึ้นในปีต่อๆไป
-
แต่ในเมื่อยังเดินทางต่อไปเรื่อนๆ ก็คงได้เจอกันอีกแหละ – Sousou no Frieren รักอนิเมะเรื่องนี้มาก ชอบธีมของการเดินทาง, การจากลา และ การเจอกันอีกครั้ง ถ้าย้อนวัยไปตอนอายุ 18 คงไม่อินกับเรื่องนี้เท่าตอนนี้
-
It’s fine ที่จะรัก[ชาติ]อย่างมหาศาล but it’s not fine ในการไปด่าคนอื่นที่รัก[ชาติ]ในแบบที่ไม่ได้เป็นแบบเดียวกับคุณ – คุยเรื่องชาติกับ ธงชัย วินิจจะกูล
-
This body is not a simple cat whose actions can be easily predicted, meow! — Theo
#Lasty, what will be in the 2025??
นั้นซินะ อะไรจะเกิดขึ้นในปีใหม่ 2025
ถ้าจะให้พูดตามความจริง เดาว่า ปีใหม่นี้น่าจะเป็นปีที่จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นอีกครั้งในชีวิต กลางๆปีต้องเริ่มกลับมาทำงาน ย้ายที่อยู่อีกครั้ง ไม่มั่นใจเลยว่า ภาพที่จะเกิดขี้นจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้เป็นภาพที่ดี
ดังนั้น ธีมหลักของปีหน้า อยากให้เป็น Year of Recovery
ทั้งในด้านร่างกาย จะต้องพยายาม recover from my physical pain ใส่ใจกับอาการปวดหลังของตัวเอง ตอนนี้มีเวลามากขึ้นแล้ว ต้องกลับมาออกกำลังกาย
ทั้งในด้านจิตใจ จะต้องพยายาม recover from a cycle of self-doubt รักและเข้าใจตัวเองมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น เปิดโอกาสให้กับเรื่องราวใหม่ๆมากขึ้น
ทั้งในด้านความสัมพันธ์ จะต้องพยายาม recover my broken social skills จะต้องปรับตัวสำหรับสังคมใหม่ที่จะเกิดขึ้น หาเพื่อนใหม่ๆ และกลับไป re-connect กับเพื่อนๆเก่าๆ
ใดๆ ขอให้ปี 2025 ใจดีกับทุกๆคนนะฮะ 🎉🎉🎉🎉🎉🎉🎉