TL;DR

2020 ปีแห่งหายนะ ในที่สุดมันก็ผ่านไปแล้ว ปีหน้าถ้าไม่ใช้ซอมบี้อาละวาด หรือ ก๊อตซิล่าบุกมาทำลายเมืองโตเกียว หรือ อุกาบาตพุ่งมาทำลายโลก คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วละมั้ง


ในที่สุดก็หมดปี 2020 ปีแห่งหายนะของหลายๆคน รวมถึงนี่และที่บ้านด้วย ไม่น่าเชื่อว่าแค่เชื้อโรคตัวเล็กๆตัวเดียวทำให้เกิดวิกฤตกันทั่วโลกได้ คนนับแสนตกงาน ธุรกิจหลายหมื่นต้องปิดตัว ยิ่งเพราะว่า /me อยู่ภูเก็ต ยิ่งเห็นได้ชัดว่าวิกฤตครั้งนี้มันหนักหนามาก จากเมืองป่าตองที่ไม่เคยหลับ ถูกเปลี่ยนเป็นเมืองร้าง เพียงแค่ภายในไม่กี่เดือน

แต่สุดท้าย เราก็จะต้องผ่านมันไปได้ในที่สุดแหละเน้อ วัคซีนก็ทยอยออกมาแล้ว ถ้าปีหน้า ไวรัสไม่กลายพันธุ์ วัคซีนไม่ได้ทำให้คนกลายไปเป็นซอมบี้ ทุกอย่างก็คงจะต้องดีขึ้น สู้กันต่อไปเน้อ

เป็นเหมือนธรรมเนียมทุกปี ปีนี้เป็นปีที่ 7 แล้วนะ สำหรับการเขียน Year In Review แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด คือ ปีนี้ /me เปลี่ยน wordpress บนโฮสส่วนตัว มาโฮสที่ Github Pages แล้ว ในที่สุด

เป็นเรื่องที่อยากทำมานานมากๆละ และในที่สุดก็ทำสำเร็จสักที :)

Life In General

Me as a monk

ปีนี้เริ่มต้นปี ด้วยการอยู่ในผ้าเหลืองต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ได้ฉลองปีใหม่ด้วยการนั่งสมาธิหลังวัด มองย้อนกลับไป ช่วงเวลาที่บวชเป็นช่วงเวลาที่สงบมากกว่าที่คิด ได้อยู่กับตัวเอง เป็นอีกช่วงเวลาที่สอน /me ว่า เราไม่เห็นต้องวิ่งตามโลกภายนอกเลย โลกที่แสนจะวุ่นวาย ฉุบฉับ และฉาบฉวย วิ่งช้าๆไปกับโลกของตัวเอง มีความสุขกับสภาพที่เป็นอยู่ อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับครอบครัว แค่นี้ก็พอแล้ว

การบวช เป็น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอันหนึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ ได้เห็นทุกคนในครอบครัวมาพร้อมหน้ากัน ร่วมกันทำบุญ /me เรียนรู้หลายๆอย่างในช่วงเวลานี้ เช่น คำถามง่ายๆว่า ทำไมต้องมีศาสนา? ทำบุญไปเพื่ออะไร? สวดมนต์ไปทำไม? พิธีกรรมสำคัญยังไง? ไปจนถึง เรื่องราวในชีวิตประจำวัน เช่น การต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา //ไม่งั้นผิดศีลรัวๆ ช่วงแรกนั่งคุยกับพระอาจารย์ไปก็ตบยุงไป จะลุกจะนั่งก็ต้องสงบ //ไม่งั้นสงบเปิด

และที่น่าสนใจ คือ ได้ฟังมากขึ้น ได้ฟังเรื่องราวเก่าๆแก่ๆหลายๆเรื่องจากตาๆยายๆที่มาวัด คนเหล่านี้ คือ คลังสมบัติทางความรู้ที่แท้ทรู ทุกครั้งที่ได้คุย เหมือนได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆตลอดเวลา หนึ่งในนั้น คือ ได้รู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับคุณพ่อ ซึ่งนี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย บางทีเพราะเราคุยกันน้อย เหมือนได้เปิดใจกับท่านมากขึ้น

สารภาพว่า ในตอนยังอยู่ในผ้าเหลือง นี่เขียน Diary ไว้เยอะมาก (วางแผนไว้ด้วยนะว่าจะเอามาลงในบล๊อคเก็บไว้) ในแต่ละวัน นี่จะคอยนับวันว่าเมื่อไรจะหมดสักที นับถอยหลังไปถึงวันที่จะสึก แต่พอถามตัวเองว่า ทำไมต้องอยากสึกขนาดนั้น? สิ่งที่เป็นคำตอบก็แค่อะไรที่ไม่ได้เป็นสาระเลย แต่ก็นะ เขาบอกว่า บวชครั้งแรกเป็นการชิมลาง บวชครั้งที่ 2 ถึงจะเป็นการบวชถาวร

Internship with Botnoi

ช่วงหลังจากสึกออกมา เป็นช่วงประจบเหมาะพอดีกับที่ COVID-19 เริ่มกระจายไปทั่วประเทศ (และทั่วโลก)

ช่วงเดียวกันนี้ เป็นช่วงที่ /me เริ่มหาที่ฝึกงาน ฝึกปรือฝีมือก่อนเริ่มเรียน ป.เอก

ซึ่งที่ที่ไปฝึกงาน เป็น บ. ที่ /me ได้ยินชื่อมาพักใหญ่ๆแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เขาเปิด บ. ใหม่ๆ เลยตามข่าวคราวของเขามาตลอด

Botnoi consulting ที่นี่ไปฝึกงาน เป็น บ. เล็กๆ ที่เริ่มต้นจาก chatbot ที่ชื่อว่า บอทน้อย ซึ่งไปได้รับรางวัล LINE BOT AWARDS จาก บ. LINE ที่ ญี่ปุ่น โดยเจ้าบอทน้อยนี้เป็น chitchat bot ที่สามารถชวยคุยสัพเพเหระ เหมือนกับบอทที่ /me เคยทำตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น #ถามอะไรตอบได้

แต่เพราะว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีทางด้าน NLP ก็พัฒนาไปมาก บอทน้อย จึงไม่ใช่แค่บอทเกรียนๆพูดไม่รู้เรื่องเหมือน Asuku แต่เป็นบอทที่ตอบโต้ได้ตามบริบทของบทสนทนา ถึงจะไม่ได้เก่งระดับเข้าใจภาษามนุษย์ แต่ก็สามารถคุยรู้เรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ

ด้วยว่า /me เคยทำวิจัยเกี่ยวกับ GANs มาก่อน เลยได้รับโอกาสให้มาช่วยในการพัฒนาในส่วนของ Interactive interface โดยมีเป้าหมาย คือ สร้างโมเดลคนขึ้นมาแล้วให้ AI เคลื่อนไหวหน้า/ท่าทาง ซึ่ง เป็นที่น่าสนใจมากๆ เพราะว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน AI สามารถสร้างรูปเหมือนจริงของหน้าคน (ที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง) ได้ [see] แถมยังสามารถ interpolate หรือ puppet แบบที่ว่า โมเดลบางตัวสามารถสร้าง fake video ได้แนบเนียนในระดับที่แยกไม่ออกเลยทีเดีย [see]

ซึ่งงานหลักๆ ก็คือ อ่านเปเปอร์ แล้วทดลองแบบต่างๆ ปัญหาคือ นี่ไม่ได้มีพื้นฐานเกี่ยวกับ image processing + GPU ที่มีค่อนข้างมี computation power ที่จำกัด เลยลำบากพอสมควร สุดท้ายก็ไม่ได้ผลงานออกมาอย่างที่ตั้งใจไว้ (ส่วนตัวคิดว่า แค่ GANs อย่างเดียว อาจจะไม่สามารถทำได้ เพราะความสามารถของ GANs ค่อยข้างจำกัดพอสมควร)

ในช่วงหลังๆของการฝึกงาน เปลี่ยนไปช่วยอีกโปรเจค ซึ่งทำเกี่ยวกับ recommendation ranking แทน และปัญหาก็เกิดขึ้น เพราะว่า ลูกค้ารายนี้ค่อนข้างแย่ หลังจากประชุมแต่ละรอบเสร็จ ต้องถอนหายใจแรงทุกครั้ง เป็น ปสก ที่แย่มากๆ แต่โชคดีที่ พี่ๆในทีมช่วยเหลือจนจบโปรเจคได้แบบทุลักทุเล (ตอนแรกนางบอก เป็นงานเร่งมากๆ แต่ทำไปทำมา นางดันดีเลย์ซะเอง จากโปรเจค 1 เดือน กลายเป็น 3 เดือนไปได้ แย่มากๆ)

ตามแผนที่คิดไว้ คือ จะอยู่ที่ฝึกงานยาวๆ จนถึง สค. แต่กลับเป็นว่า ทำได้แค่ 2? เดือนแล้วก็ขอออกมาช่วยที่บ้านแทน ส่วนหนึ่งเพราะว่า ตอนที่เริ่มฝึกงาน เป็นช่วงเดียวกับที่ บ. เริ่มทำงานแบบ Work from home นี่ได้ไป บ. แค่ 2 ครั้ง แล้วก็ไม่ได้ไปอีกเลยหลังจากนั้น

การทำงานแบบ Work from home จริงๆแล้วก็ดูเหมือนจะไปได้ดีแหละ แต่คงด้วยว่า นี่มาทำงานแบบที่ไม่รู้จักใครเลย แอบลำบากในการติดต่อสื่อสาร ขอคำปรึกษา ยิ่งทำไปยิ่งให้ความรู้สึกว่าตัวเอง ไม่ fit in เข้ากับ บ.

ช่วงนี้คงไม่เหมาะกับการเริ่มต้นทำงานใหม่แหละ ประกอบกับว่า จะมีข่าวว่า จะมีการ lockdown ไม่ให้เดินทางข้ามจังหวัด นี่จึงขอยุติการฝึกงานไว้ก่อน ไว้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ ค่อยเริ่มต้นกันใหม่ แอบน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน

ทั้งนี้ขอขอบคุณพี่วิน พี่ก่อน สำหรับโอกาสในการร่วมงาน และ ท่านหยอกหยอย สำหรับที่พักในช่วงที่อยู่ กทม.

Be at home

ไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่สุขใจเท่ากับอยู่ที่บ้าน หลังจากอยู่ กทม. ก็กลับภูเก็ตมาอยู่บ้าน ใครจะไปเชื่อว่า COVID-19 จะเปลี่ยนสภาพเมืองภูเก็ตไปได้เยอะขนาดนี้ หลังจากหลายประเทศเริ่มปิดประเทศ นักท่องเที่ยวหาย รายได้ส่วนใหญ่ของคนในท้องถิ่นก็พลอยหายตามไปด้วย คุณพ่อซึ่งหลังๆขับรถตู้ให้นักท่องเที่ยวก็หมดช่องทางทำมาหากิน ทุกอย่างดูเลวร้ายมาก

และในช่วง lockdown ประเทศนี้ ก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่มีการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้นในครอบครัว คุณป้าซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งตรวจพบก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่สิ่งที่เศร้ามากกว่า คือ ที่บ้านไม่มีโอกาสได้ไปอำลาท่านเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องด้วยว่า ไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้

ที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ ความรู้สึกของคุณแม่

ในช่วงปลายปีก่อน /me ได้โอกาสไปดูแลคุณป้าเป็นระยะเวลาสั้นๆก่อนที่จะบวช เลยได้ฟังเรื่องราววัยเด็กของคุณป้าและชีวิตคุณแม่ ทั้งสองดูจะสนิดสนมกันมาก กว่าชีวิตจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านทุกข์ร้อนมาด้วยกันมากมาย

ยังดีที่ว่า คุณแม่ก็คงเตรียมใจไว้อยู่แล้ว เพราะช่วงต้นปี คุณป้าอาการเริ่มทรุดหนักมาก ก่อนท่านเสียก็เทียวไปเทียวมาอยู่หลายรอบ


แต่ในความเลวร้าย ก็ยังมีส่วนดีๆเหลืออยู่ เพราะว่า คุณพ่อนางไม่ต้องออกไปทำงาน นางจึงมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น จากพื้นที่รกๆข้างบ้าน ก็ค่อยๆกลายเป็นสวนผักเล็กๆแบบทุลักทุเล

เพราะมีเวลามากขึ้น เลยถือโอกาสปรับปรุงพื้นที่หลายๆส่วนภายในบ้าน ขุดท่อระบายเศษอาหาร ห้องครัวใหม่ etc

สำหรับ /me ในช่วงปีนี้ เหมือนเป็นการชดเชยที่ไม่ได้อยู่บ้านมานาน ตั้งแต่สมัยเรียน มาจนถึง ทำงาน แถมยังหนีไปเรียนต่อที่อังกฤษอีกเป็นปี

พออยู่บ้าน ก็เลยมีโอกาสได้ดูแลคุณย่ามากขึ้น นับวันนางยิ่งแก่ลงๆ บ่นนู้นนั้นนี้ตลอดเวลา ต้องคอยบำรุง ครั้งนึงนางท้องเสียหนัก ถึงกับต้องเฝ้าไข้กันที่ รพ.

ปีนี้ทั้งปี /me มีเหตุให้ไปๆมาๆ รพ. หลายรอบมาก ไม่ว่าจะไปตรวจโรคของตัวเอง โรคของขุ่นย่า โรคของขุ่นแม่ แต่ไปกี่รอบๆก็ยังไม่ชินกับบรรยากาศใน รพ เลย ทุกครั้งที่ไป จะรู้สึกได้ถึงความหดหู่ ความเศร้า ความป่วย คงเพราะว่ามันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วย เรื่องราวที่เจ็บปวด ความตาย ความป่วยไข้ ซึ่งยังไงๆก็ยังทำใจให้คุ้นชินไม่ได้สักที

นอกจากไปๆมาๆ รพ. แล้ว ปีนี้ /me โดนลากไปวัดที่นู้นที่นี้ตลอดทั้งปี จะปล่อยให้ขุ่นย่าไปคนเดียวก็กลัวว่านางจะไปซน เลยต้องตามไปคุม แถมยังพึ่งรู้อีกด้วยว่า งานกฐินของแต่ละวันเนี๊ยะ มีเงินสะพัดเป็นล้านบาทเลย OMG

และเรื่องสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ตอนนี้ที่บ้านมี แมว 4 ตัว แล้วจ้า จากเดิมมี 2 ตัว คือ นางสองสี และ นางกำไล ตอนนี้มีแมวหลงมาอีก 2 เป็น อีดำ กับ อีส้ม(ชื่อไม่เป็นทางการ) ถึงแม้ว่าไอ้สองตัวหลังจะยังไม่ได้รับเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านอย่างเป็นทางการ แต่นางก็นอนแปะปะอยู่ตามจุดต่างๆในบ้านเฉกเช่นเจ้าของบ้านอย่างไงอย่างงั้น Ummmm m m นี่พยายามไล่ไปละนะ แต่ก็ไม่ยอมไป เฮ้อออ ถอนหายใจแรง หลังๆที่บ้านเลยเริ่มยอมรับมันไปกลายๆ อีกไม่นานก็คงจะมีการอัพเกรดเมมเบอร์ชิป

//ไม่มีรูป 4 ตัวพร้อมกัน เอารูปสองสีไปก่อนละกัน

Life as a PhD student

สิ่งที่ผิดเพี้ยนที่สุดจากแผนที่วางไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คือ การเรียน ป.เอก หนิแหละ

ตั้งแต่ต้นปีมีการร่อนเมลล์ จาก กพ. ซึ่งเป็นเจ้าของทุน แจ้งไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศจนกว่าจะได้รับอนุญาต ทำให้จากเดิมที่แพลนจะไปเรียนช่วง กพ. - มีค. ก็โดนเลื่อนมาเป็น สค. และก็มีท่าทีว่าจะเลื่อนไปไม่มีกำหนด เพราะว่าสถาณการณ์ดูเหมือนจะไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลายลงในเร็วๆวันนี้ ถ้าปล่อยไปเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงไม่รู้ว่าจะไปเริ่มเรียนเมื่อไร

หลังจากที่คุยปรึกษากับ อ. ที่ปรึกษา สุดท้ายเลยตัดสินใจเริ่มเรียนเลยดีกว่าล่องลอยปล่อยให้เวลาผ่านไปวันๆ แต่เพราะว่าไม่สามารถเดินทางไปที่อังกฤษได้ ทุกอย่างเลยต้องทำออนไลน์

โชคดีที่ว่า การเรียน ป.เอก เป็นอะไรที่ไม่ต้องมีการเข้าเรียนเหมือน ป.ตรี หรือ ป.โท รูปแบบการเรียนจึงเน้นไปทาง self-learing ซะมากกว่า ดังนั้นการเรียนจึงไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดเอาไว้มากนัก เสียก็แค่ไม่สามารถ interact กับคนอื่นๆได้มากเท่าปกติ ทำให้ดูจะเหงาๆไปบ้าง ยังดีที่ยังมี group meeting อยู่บ้าง เลยได้รู้จักคนนั้นคนนี้

จะว่าไปแล้ว ประสบการณ์การเรียน ป.เอก เป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก มันไม่ใช่การเข้าห้องเรียนแล้วฟังๆ lectures หรือ รับโจทย์จากอาจารย์แล้วหาวิธีแก้ไข แต่รอบนี้เป็นการตั้งโจทย์ขึ้นมาเอง แล้วหาคำตอบเอง คำถามคือ แล้วจะตั้งโจทย์อะไรละ?? ทุกอย่างดูงงๆไปหมด

ในช่วงสัปดาห์แรกที่เริ่มเรียน งงมาก ถึงมากที่สุด เพราะ นี่ดั๊นติดต่ออาจารย์ไม่ได้ เคว้งมาก ไม่รู้จะเริ่มยังไง ไม่รู้จะไปทางไหน ยังดีที่อาจารย์ติดต่อกลับมา หลังจากนั้นก็เริ่มอ่าน อ่าน อ่าน อ่านอะไรก็ไม่รู้ อ่านไปเรื่อย พักหลังพบว่า ตัวเองอ่านช้ามาก อ่านไม่ทน อ่านแล้วหลับ สมาธิสั้นสุดๆ ฮืออ งอแง ยังดีที่ผ่านการสอบ stage0 มาได้ ปาดเหงื่อไปเหมือนกัน

About my proposal

เล่ามาซะยืดยาว สรุปแล้วยังไม่ได้เล่าเลยว่า ตอนนี้กำลังจะทำหัวข้อวิจัยเรื่องอะไร

/me วิจัยในหัวข้อหลักๆ คือ transfer learning for Thai ที่ทำเรื่องนี้เพราะว่า ปัจจุบัน หลายๆแล๊ปสามารถพัฒนาโมเดลที่สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ในระดับที่สามารถเอาไปใช้จริงได้แล้ว แต่โมเดลส่วนใหญ่สอนมาเพื่อทำงานกับภาษาอังกฤษเป็นหลัก จึงมีแนวคิดขึ้นมาว่า เป็นไปได้รึปล่าวที่จะใช้โมเดลภาษาอังกฤษพวกนี้มาปรับแก้ให้มันทำงานกับภาษาอื่นๆได้ด้วย ซึ่งงานหลายๆชิ้นพบกว่า มันทำได้ และทำได้ดีมากๆ แต่ปัญหาคือ มันมักจะทำงานได้ดีกับภาษาที่ใกล้เคียงกัน เมื่อนำมาใช้กับภาษาไทย ซึ่งแตกต่างจากภาษาอังกฤษมากๆ โมเดลเหล่านี้มักจะให้ผลลัพท์ที่แย่ๆ และ ไม่ make sense

สิ่งที่ /me สนใจ คือ ความเป็นไปได้ในการเพิ่มความสามารถในการถ่ายโอนความรู้เหล่านี้ได้ โดยใช้ความรู้ทางภาษาศาสตร์เข้าช่วย (linguistic information) แต่ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า จะใช้ความรู้ทางภาษาศาสตร์อะไรมาวิจัย LOL

จะรอดรึปล่าวเนี๊ยะ?

Virtual conferences

นอกจากการเรียนจะถูกเปลี่ยนเป็น online แล้ว ดูเหมือนว่า งานประชุมวิชาการ (conference) ทุกๆอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นแบบ virtual conference ไปด้วย และเมื่อทุกอย่างเป็นระบบ online ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมก็เหลือลดลงอย่างมาก จากราวๆ 1000+ GBP เหลือเพียงแค่ 50-100 GBP เท่านั้นเอง ไม่ต้องมีค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่มีค่าที่พัก ตปท. เหลือเพียงแค่ค่าตั๋วเข้า

นี่เลยเป็นโอกาสทองที่จะได้ลองเข้าไปฟังว่า เหล่าๆเทพๆเก๋าๆ เขากำลังทำอะไรกันอยู่ นี่เลยจัดไปทั้ง EMNLP, AACL, COLING และ NeurIPS (แต่สองอันหลัง ร่วมในฐานะอาสาสมัคร เลยไม่ต้องจ่ายค่าตั๋ว)

แต่ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง เขียนรายงานไม่ทัน, timezone ไม่ตรงกัน etc สุดท้ายเลยได้เข้าไปฟังแค่ EMNLP และ บางส่วนของ COLING ToT

ถือเป็น ปสก ที่ดีมากๆ ได้เรียรู้แนวคิดใหม่ๆเยอะมาก แต่ที่น่าเสียดาย คือ นี่ไม่สามารถย่อยความรู้ทั้งหมดได้ เพราะมันมากเกินไป ล้นมาก เหนื่อยมาก ฮือออ

ฺBtw, Thank you Prof. Matthew Purver for accepting me as your PhD student, and my research collegues: Ravi, and Carlos. Wish the next year will be something more interesting.

Life as a freelancer

หนึ่งความจริงที่แสนเจ็บปวด คือ ความจริงที่ว่า “สังคมเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนด้วยเงิน” ยิ่งเศรษฐกิจแย่ๆแบบนี้ ยิ่งจำเป็นต้องใช้เงินมากยิ่งขึ้น COVID-19 ทำให้ทุกอย่างยุ่งเยิงไปซะหมด โดยเฉพาะเรื่องการเงิน

โชคดีที่ในช่วงที่ว่างๆจากการฝึกงาน มีเพื่อนชวนให้ไปช่วยทำเวปไซท์นู้นนั้นนี้ ปีนี้เลยมีเงินพอช่วยเหลือที่บ้านบ้าง กราบขอบคุณ เก่ง น้องแพรรี่พลอย พี่ปริ้น ที่ช่วยป้อนงานมาให้ตลอดทั้งปี

น่าเสียดายที่โปรเจคส่วนใหญ่เป็นโปรเจคภายในของ บ. จะเอามาอวดก็คงไม่เหมาะ งั้นขออวดแค่โปรเจคสุดท้ายละกัน [อาชญกรรมข้ามชาติ]

ถ้าใครสนใจอยากให้ทำเวปไซท์ ก็ติดต่อได้เลยฮะ ไม่แพงๆคนกันเอง :)

นอกจากโปรเจคทำเวปแล้ว ก็มีโปรเจคบอร์ดเกมเล็กๆของตัวเอง ช่วยกันกับ มิกกี้ เก่ง และหวาย เป็นอะไรที่สนุกมากที่ได้ทำ ถึงแม้ว่าปีนี้ มันจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หวังว่าจะได้เจอ Euraka moment เร็วๆวัน

Life as a Traveller

ปีนี้ทั้งปี เที่ยวน้อยกว่าปีก่อนๆมาก คงต้องโทษ COVID-19 อีกนั้นแหละ ล๊อกดาวน์บ้าง ไม่มีตังค์เที่ยวบ้าง บายส์

แต่ก็ยังมีได้เที่ยวอยู่บ้าง

#นครอะไรไม่ฉลาด

นั้นซิ นครอะไรน๊าาา… เดิมทีเป็นทริปเที่ยวรอบๆนครนายก แต่ทำไปทำมา ที่ที่ไปส่วนใหญ่กลายเป็นโคราชไปซะได้ 55555

ไม่รู้จะอธิบายอะไร เพราะหลังๆ จัดทริปไม่ได้ไปเที่ยวนู้นนั้นนี้นะ แค่ไปกิน จัดทีมเล่น ROV เล่นบอร์ดเกมในห้องแอร์เย็นๆ แล้วก็นอน จ๊บบบบ

Airasia Unlimited Pass

ปีนี้ทั้งปี บินขึ้นๆลงๆ กรุงเทพ-ภูเก็ต เดือนละ 2-3 รอบ บางครั้งไปนัดเล่นบอร์ดเกมหนึ่งวันแล้วกลับ… เพราะว่า ตัดสินใจซื้อ Airasia Unlimited Pass บินแต่ละเที่ยวต้องจ่ายแค่ 100 บาทเอง เลยบินไปมาเป็นว่าเล่น

แต่จริงๆที่บินขึ้นๆลงๆ ไม่ได้บินเล่นซะทีเดียว ช่วงเดือนหลังต้องบินนิมนณ์พระขึ้นไปรักษาตัวที่ รพ.จุฬา บังเอิญว่าท่านเป็นพระพี่เลี้ยงตอนบวชด้วย เลยถือโอกาสเป็นการตอบแทนไปในตัว สาธุ

พาขุ่นย่าไปทะเล

ทั้งๆที่บ้านเกิดขุ่นย่าก็คือหมู่บ้านที่ติดทะเล แต่ก็ยังพาไปเที่ยวทะเลอีก 55555

จริงๆปีนี้ ไปหลายทะเลมาก ไปนอนเขาหลัก ไปนอนอ่าวนาง ไปนอนป่าตอง ลันลั้นล้า~~

Achievements in 2020

  • ปีนี้ร่วมแข่งรายการ M5 ของ Kaggle ซึ่งเป็นรายการการแข่งขันกันสร้างโมเดลสำหรับ Forecasting sales ที่ใหญ่มากๆรายการนึง ซึ่งซุ่มทำกับ Kenny น่าเสียดายที่ตายตอนโค้งสุดท้าย เพราะ นี่ไม่ได้เลือกว่าจะเอาโมเดลอะไรเป็นคำตอบสุดท้าย จากที่ที่ควรได้ราวๆ ลำดับที่ ~20th ก็หล่นไปที่ลำดับ 200+th ซะได้ [เพิ่มเติม]

  • ปีนี้ Ragnarok Online กลับมาเปิดเซปที่ไทยอีกครั้ง ดีต่อใจ สำหรับ /me; Ragnarok เป็นเกมที่นี่จัดให้อยู่บนจุดสูงสุดเลยทีเดียว คงเพราะความทรงจำในวัยเด็กด้วยละมั้ง –ตอนนั้นไม่ได้เล่นนะ เลยโตมาอยากเล่นชดเชย //สรุปนี่เวลจนได้อัพคลาส 3 เลยนะ? รึปล่าววะ แต่สุดท้ายก็ต้านทานบอทไม่ไหว เลยต้องพักไปก่อน //ตอนนั้นบอทเยอะจริง เยอะมาก ฆ่ามอนสู้ไม่ทันบอท

  • เป็น contributor ใน huggingFace/datasets project เย้ เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกิจกรรมอะไรแบบนี้ เอาจริงๆ ช่วงแรกยากมากนะ เพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่ community ดีมาก ถามอะไรก็มีคนช่วยกันตอบ เลยเขียน pull requests ไป 2 อัน เย้

  • FYI ขับรถเป็นแล้วนะ ลงเรียนขับรถจ่ายเงินไป 5k ได้ใบขับขี่มาแล้ว แต่พอลงถนนจริง เอ๋ๆๆยังไง มันไม่เป็นเหมือนตอนเรียนหนิหว่า ยังเกร็งๆกลัวๆ ตอนนี้ก็ยังคิดนะว่า ขับรถหนิอันตรายกว่าเที่ยวป่า เดินขอบเขา ล่องเก่งเชี่ยวๆซะอีก เฮ้อออ เอาเงินฟาดจ้างคนขับรถแปป

What I learn from 2020

  • ถึงอะไรมันจะแย่แค่ไหน มันก็ต้องมีหนทางไปต่อจนได้แหละ ถ้าเรายังไม่ยอมแพ้ ที่แน่ๆ คือ มันต้องเหนื่อย มันต้องเครียด มันต้องท้อมากๆ แต่มันจะผ่านไปได้

  • ฉันคงไม่มีวันได้แต่งงาน: จนถึงปัจจุบัน ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมีงานแต่งที่หรูๆ ทำไมต้องมีพิธีรีตรอง ทั้งๆที่การแต่งงานเป็นเรื่องของสัญญาระหว่างคนสองคน

  • ครั้งหนึ่งไปงานบวช เห็นเด็กๆเต้นกันสุดตัว ยิ้มแป้นไม่หุบ เห็นแล้วย้อนกลับมานึกถึงตัวเอง คิดถึงช่วงเวลานั้นจัง ช่วงเวลาที่เราสามารถสนุกสุดเหวี่ยงได้โดยไม่ต้องแคร์ใคร ทำไมนะ การโตเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราลืมความสนุกแบบนี้ไปหมดเลย ลืมไปแล้วจนไม่กล้าที่จะสนุกแบบนั้นอีกต่อไป

  • Exercise is a hoax; ถถถถถ

Lasty, what is in the 2021??

ปีหน้า ขอให้เป็นปีที่ดี ปกติแล้ว section สุดท้ายนี้ /me จะลิสสิ่งที่ตัวเองอยากทำในปีหน้า เหมือนเป็น TODOs เอาไว้ แต่เหมือนว่า พอย้อนกลับไปอ่านของปีก่อนๆ ไม่มีปีไหนเลยที่ทำสำเร็จครบทุกข้อ 55555

ส่วนหนึ่งคงเพราะว่า หลังจากเขียน TODOs แล้ว เดี๋ยวมันก็จะลืม ใครจะไปจำลิส 5-6 ข้อที่เขียนตอนต้นปีไปได้ตลอดทั้งปี

ปีนี้เลยเปลี่ยนแนวใหม่ ได้ไอเดียมาจาก youtube video อันนึงซึ่งหาลิงค์ไม่เจอแล้ว เขาแนะนำว่า แทนที่จะลิสเป็นข้อๆ แต่ให้เปลี่ยนเป็น TODOs ในแพนเทิร์น ปีหน้าจะเป็นปีแห่ง…

  • ปีแห่งการท่องเที่ยว; ปีหน้าจะเที่ยวให้เยอะขึ้น
  • ปีแห่งออกกำลังกาย; ปีหน้าจะออกกำลังกายให้เยอะขึ้น
  • ปีแห่งการเรียน; ปีหน้าจะมุ่งมั่นตั้งใจเรียน
  • etc

จริงๆ /me คิดไว้หลายตัวเลือกมากๆ สุดท้ายก็ยังตัดสินใจไม่ได้ระหว่า ปีแห่งการลดความอ้วน กับ ปีแห่งภาษา แต่คิดว่า อันแรกคงยากเกินไป หมดหวังอย่างมาก ใครก็ได้ช่วยที

งั้นขอให้ปีหน้า เป็น ปีแห่งภาษา ละกันนะ เป็นปีที่ /me จะตั้งใจพัฒนาสกิลภาษาของตัวเอง ตอนนี้เริ่มเรียนภาษาจีนแล้ว ถ้าเป็นไปได้คงจะสามารถสอบ HSK ได้ภายในปีหน้า นอกจากภาษาจีนแล้ว มีอีกหลายภาษามากที่น่าสนใจ เช่น ภาษาเพื่อนบ้าน (พม่า, เขมร) ภาษาอารบิก ภาษาฮินดี ภาษารัสเซีย ภาษาสเปน /นี่ จะโลภไม่ได้นะ 555555555

สุดท้ายนี้ ก็ขอส่งท้ายปีเก่าต้นรับปีใหม่ ให้ทุกๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ มีความสุข สุขภาพแข็ง แรง ตังค์ไหลมาเทมา ถ้าไหลมาให้ /me บ้างก็ได้ ไม่ว่ากัน

HNY จ้า