TL;DR
สรุปชีวิต 2018 เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ กลายเป็นนักเรียนนอกเต็มตัวแล้วนะ
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ กลับมาเขียนบล๊อคทุกๆปี
กลับไปอ่าน Year in Review 2017 ปีที่แล้ว มันอาจจะจริงที่ มก. พูดว่า
ปี 2017 เป็นช่วงขี้แพ้ที่แท้ทรู แต่ปี 2018 เป็นปีที่ชีวิตเปลี่ยนมาเป็นอีกแบบ เปลี่ยนเร็วมากจนรู้สึกว่า เห้ยย ตอนนี้กรูอยู่ที่ไหนแล้วเนี๊ยะ
Working life
เริ่มต้นปี 2018 ด้วยการย้ายงาน ผลพวงจากปีที่แล้วแหละ ความรู้สึกหน่วงๆที่คะแนนภาษาอังกฤษไม่ผ่านมาตลอด 2 ปี เริ่มเรื้อรัง เริ่มคิดว่า อยู่อย่างงี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องถีบตัวเองออกมาอยู่ในสังคมอินเตอร์มากขึ้น เลยตัดสินใจย้ายงาน
จริงๆ ตลอด 2 ปีที่ทำงานที่ Maxile เป็นอะไรที่ได้ประสบการณ์หลากหลายมาก ได้ทำตั้งแต่ get requirements, design, negotiate, develope และ optimize เป็นอะไรที่ครบวงจรมากๆ ด้วยเพราะว่าได้เจอโปรเจคหลากหลายมากๆ ได้เจออะไรๆที่ เห้ยย มันไม่ควรเกิดขึ้น สเกลโปรเจคต่างกัน ความยากง่ายต่างกันสุดๆ เช่น ปัญหา race condition เมื่อจำนวนผู้ใช้เยอะขึ้น หลายๆ request ต้องการอัพเดตข้อมูลช่องเดียวกันมาอัพเดตข้อมูลซ้อนกัน มันเกิดขึ้นหลังจากใช้งานจริงๆ ใครจะนึกว่าจะมีคนโชคดีขนาดนั้น (เอาเข้าจริงๆ มันเกิดขึ้นบ่อยในระดับนึงเลยทีเดียว แต่ก็เพราะออกแบบไม่ดีด้วย)
ปีนี้ก็ต้องขอขอบคุณ Maxile สำหรับประสบการณ์ดีๆ รู้สึกโชคดีมากๆที่ได้เพื่อนร่วมงานดีๆหลายๆคน
ปี 2018 นี่ย้ายไปทำงานที่ Allianz Technology ตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการทำงานออฟฟิสใหญ่ครั้งแรก พูดตรงๆว่า ช่วงแรกๆไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ได้ทำเวป ได้จับ Angular 2 แบบเต็มรูปแบบ เห้ยยย มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ที่สำคัญ ทีที่นี้ใช้ Agile development process เป็นอะไรที่ว้าวมาก แบบรู้สึกถึงโปรเจคจะพัฒนาไปช้าๆ แต่มันพัฒนาไปได้เรื่อยๆ ทุกขั้นตอนมีเทส ประชุม อัพเดตปัญหา สนุกวะ
แต่น่าเสียดายที่ได้ไปทำงานแค่ 3 เดือน เพราะว่า ต้องเตรียมตัวไปเรียนต่อที่ UK ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จากแผนเดิม ทำเอกสารขอผ่อนผันการไปเรียนต่อเพราะคะแนนไม่ถึงไปแล้ว ลงคอร์สติวเข้มไว้แล้ว เตรียมใจสำหรับเกณฑ์ทหารไว้แล้วด้วย(เพราะปีหน้า ถ้าไม่ได้มาเรียนจะผ่อนผันต่อไม่ได้) แต่อยู่ๆก็ได้ข่าวดีว่า คะแนนผ่านแล้ว
จำภาพได้ว่า ตอนนั้นดีใจมาก ไม่เชื่อตาตัวเอง เปิดดู 3 รอบ ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วปริ้นออกมา กลัวว่าเขาจะแก้ทีหลัง เป็นโมเมนต์ที่ทุกอย่างโล่งไปหมด
รอบที่สอบเป็นรอบวันสงกรานต์ เป็นการสอบไอเอลครั้งที่ 3 (มั้ง) วันที่ทุกคนหยุดไปเที่ยวแต่นี่ต้องลากตัวเองไปสอบไอเอล ตอนนั้นคิดว่าเป็นการสอบที่แย่ๆมากๆ เพราะไม่มีสมาธิสุดๆ พาร์ทที่น่ากลัวที่สุดอย่าง speaking ตอนนั้นคิดว่า ทำไม่ได้เลย จำได้ว่า examiner ถามว่า Which job that might be affected by the climate changes? นี่ตอบไปว่า Surfer เห้ยยย นู๋ ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ คือบอกว่า ก็อากาศเปลี่ยนแปลง คลื่นสูงขึ้นไง เล่นโต้คลื่นไม่ได้เรยยย เห้ยยยยยย ตอบแบบนี้ไม่ได้ นึกขึ้นมาก็ขำตัวเอง โชคดีที่เขาก็พยายามใบ้ๆว่า ละ Farmer ไม่มีปัญหาเหรอ เออวะ จริงๆ
นึกย้อนกลับไปก็ตลกดีนะ แต่ความจริงตอนออกจากห้องสอบรอบนั้น ร้องไห้ ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย ท้อ ทำไม่ได้ บอกตัวเองว่าไม่อยากสอบอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว ยอมแพ้ โชคดีมากๆที่โทรไปคุยกับ @NSPmac พอฟื้นฟูขึ้นมาได้หน่อย จะรีบยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ถ้ายังทุ่มไม่สุด กลับมาถึงห้องก็ยังร้องหนักมาก หลังจากนั้นกลับมาก็เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับเลื่อนการเรียนต่อไปอีกปี (เพราะคิดว่ายังไงๆก็คงไม่ผ่านแน่ๆ)
ตัดกลับมา ผ่านซะงั้น
ยังไงก็ต้องขอโทษพี่ๆ เพื่อนๆที่ Allianz ทุกคนที่เสียเวลาสอนงาน อยู่ไปได้แค่ 3 เดือนลาออกซะละ ขอโทษจริงๆครับ
Travelling
พูดถึงเรื่องเที่ยว ปีนี้ไม่ค่อยได้แบบไปไหนสักเท่าไร ด้วยที่ว่าอยู่ไทยแค่ครึ่งปี ก็ย้ายไปเรียนต่อละ ปีนี้ได้พาที่บ้านไปเที่ยวอีกรอบ เป็นทริปเชียงราย ไปไหว้พระ ขึ้นเขา เด็ดสตอว์เบอรรี่ สนุกมากๆ ได้เห็นขุ่นแม่ ขุ่นป้าๆ และขุ่นย่า ยิ้มก็มีความสุขนะ แต่เอาจริงๆ แต่ละคนก็แก่ๆกันแล้ว จะเหนื่อยมากกว่าสนุกรึปล่าวนะซิ ลึกๆนะ แค่ได้อยู่ด้วยกัน ก็โอเคละปะ ไปเที่ยวที่ไหน ก็ไม่สามารถเติมพลังให้เต็มได้เท่ากับการอยู่กับครอบครัวหนิแหละ
แต่ระหว่างนั้นก็มีข่าวร้าย ภูโดนรถชนเสียชีวิต เหมือนชะตาชีวิตเล่นตลก เราได้ไปงานศพเพื่อนก่อนงานแต่งซะอีก รู้สึกเศร้าอย่างน่าประหลาด RIP อีกทีสำหรับการสูญเสียในครั้งนี้
อีกทริปที่น่าจดจำ คือ ทริปเขื่อนท่าทุ่งนา เขื่อนบ้านๆแบบไม่มีอะไรให้เที่ยวนะ แต่โคตรสนุกเลย นั่งกินข้าวกันอยู่ดีๆ ก็คึกอยากเป็น Master chef กันซะงั้น เห้ยยยย มันส์มาก กติกา คือ เตรียมอาหารเช้า 3 จาน ใช้ของจากเซเว่นภายในงบ 100 บาท !@#$%^!@#$%^
ดูจากสภาพแล้ว น่ากินนะเว้ย มันส์สุด มีคณะกรรมการวิจารย์อาหาร ดู Master chef ไม่ก็ Top chef หนักกันเกินไป combination นั้นนี้ มาเต็ม
อีเว้นสุดท้ายก่อนออกเดินทาง คือ ได้เป็นสต๊าฟค่าย Math detective ของพี่แม็ก ถือเป็นการเปิดโลกของตัวเองมากๆ กลับมารู้ตัวว่าจริงๆ ตัวเองยังทำอะไรๆได้อีกเยอะมากๆ
Academic life
ปีนี้ ครึ่งปีหลังออกเดินทางมาเรียนต่อที่สก๊อตแลนด์ ออกต่างประเทศ กลายเป็นนักเรียนนอกแบบเต็มตัว ต้องจัดห้องที่ตัวเองอยู่มา 7 ปี ย้ายไปอยู่ที่แผ่นดินที่ไม่เคยไปมาก่อน ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าจะคุยกับคนอื่นรู้เรื่องรึปล่าว
แค่จะขึ้นเครื่องบินไปให้ถึงเมือง St Andrews ก็เหนื่อยละจ้า เป็นการเดินทางคนเดียวที่แท้ทรู หาเกตไม่เจอ นั่งผิดที่ เช็คอินยังไง เช็คเอ้าท์ยังไง งงไปหมด เห้ย จะไปรอดปะวะ
แต่จริงๆแล้ว ผลจากที่เราฝึกภาษามาตลอด 2 ปี มีประโยชน์เว้ย มาอยู่จริงๆแล้ว พูดได้ ฟังรู้เรื่อง (ถึงมันจะไม่ดีมาก) แต่เอาชีวิตรอดได้จริงๆ ดีใจ
จริงๆ ปีนี้โชคดีหลายๆอย่าง ได้มาเจอเพื่อน กพ รุ่นเดียวกัน มีรุ่นน้องรุ่นพี่คนไทยใจดี ทุกอย่างไม่ได้เป็นปัญหาอย่างที่คิด อยู่ที่นี้มีปาร์ตี้บ่อยมาก แดร๊กแล้วแดร๊กอีก กินไปให้สุดแล้วหยุดที่เบาหวาน
นี่มาเรียนตั้งแต่ 10-week pre-sessional course จำได้ว่ามาวันแรก เมทเปนคนจีนล้วนเลยจ้า ความคิดแรก คือ กลัว เพราะทุกคนเขาพูดภาษาจีนกันหมดเลย ไม่รู้เราจะเข้าไปสนทนากับเขาได้รึปล่าว วันแรกต้องอาศัยกินบ้านเพื่อน แต่ไปๆมาๆ เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมจีนไปซะละ เขามีปาร์ตี้ที่ไหน เขาก็จะชวนเราไปด้วย สนุกเฮฮามาก เมททุกคนใจดี เป็นกันเองมากกว่าอยู่ที่หอที่ไทยซะอีก
แต่เปิดเทอม พวกนางก็ย้ายออกกันหมด (สองคนที่ไม่ได้ย้ายออก ก็ย้ายไปสร้างครอบครัว LOL) ได้เมทใหม่เป็นคนสก๊อต กับ คนอินเดีย ยังถือว่าโชคดี ทุกคนอยู่ด้วยกันได้ มีอะไรก็เอามาแชร์กัน นี่ทำแกงไทยก็จะเอาไปให้ชิม
มาอยู่ที่นี้ ได้ทำอะไรใหม่ๆ เยอะแยะไปหมด ได้ลองเต้น Ceilidh
เพื่อนคนจีนสอนเล่น Mahjong
ได้ไปทำฟักทองฮาโลวีน
เนื่องจากที่นี้เป็นเมืองเล็กๆ เพื่อนๆพี่ๆคนไทยก็มีกันแค่นี้ ทุกคนคิดถึงอาหารไทยกันอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้วก็เลยมี Thai party อยู่บ่อยมาก จนเพื่อนชาวต่างชาติ ทักว่า นี่เป็น Party boy ไปแล้ว เพราะไปทั้งปาร์ตี้คนไทย ปาร์ตี้คนจีน ปาร์ตี้กับเมทตัวเอง แต่ไม่ได้ปาร์ตี้แบบเมานะ มีแต่กินข้าวอย่างเดียว
การมาอยู่ต่างประเทศ นี่ได้อยู่อพาร์ทเม้นท์แบบมีห้องครัว เลยได้มีโอกาสทำอาหารกินเอง โอ๊ยยยยยยย ยาวๆจ้า เครียดๆก็ออกมาทำอะไรก็ ไม่เครียดก็ทำอาหารให้รางวัลตัวเอง จุด จุด จุด หยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ช่วยด้วย
หลังๆเริ่มมีความ advance เริ่มทำปลาต้มขมิ้น อบไก่ทั้งตัว ทำขนมบัวลอย … #ไม่แน่ใจว่ามีเรียนหรือมาทำครัว
พูดถึงการเรียน ตอนแรก คิดว่าเรียนที่นี้จะลำบากมากๆ เพราะต้องใช้ภาษาอังกฤษ แต่จริงๆแล้ว ถ้าเราผลักดันตัวเองมากพอ ทุกอย่างมันก็ผ่านไปได้ ช่วงแรกๆ เขียนรายงาน 1500 คำ จะเป็นจะตาย เหนื่อยมาก ใช้เวลา 1 อาทิตย์ อ่านหนังสือ เรียบเรียง ปาดเหงื่อ ช่วงปลายเทอม มันเริ่มกลายเป็น 4500 คำ แต่เขียนไปเขียนมา เขียนได้เร็วขึ้น ผิดแกรมม่าน้อยลง (แต่คิดว่า ยังผิดอยู่เยอะ)
ความเจ๋งของการเรียน master ที่นี้ คือ เราได้ลงมือปฎิบัติเยอะมากๆ ได้ implement จริงๆ ต้อง design, justify และ evaluate ดังนั้น ทุกการตัดสินใจต้องมีเหตุมีผล ทำไมถึงทำแบบนั้น แบบนี้มีข้อเสียอะไร ได้เห็นทั้งภาพกว้างๆและภาพแคบๆของระบบ แต่ละวิชาเรียนแค่วันละ ชม. แต่ต้องปฎิบัติ ต้องกลับมาอ่านหนังสือด้วยตัวเอง ช่วงต้นๆเทอมหลอกให้ตายใจว่า เรียนไม่หนัก แต่ปลายเทอมต้องอดหลับอดนอน
Note of war; เกมชักเย่อแบบใช้เสียง เคยทำตอนสมัย ปี 1 แต่ตอนนั้นไม่สำเร็จ ตอนนี้พัฒนาต่อจากไอเดียเดิม ย้อนกลับไป ตอนนี้ นี่เขียนรายงานไปแล้วมากกว่าสองหมื่นคำ เขียนโปรเจคไปเกือบ 10 โปรเจค เหมือนได้มาจุดไฟขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกว่า อยากเขียนโปรแกรมนู้นนี้อีกเยอะมากๆ
ได้คอมเม้นจากอาจารย์มาแบบนี้ ก็รู้สึกดีสุดๆไปเลย แต่อยู่นี้ แทบไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ด้วยที่ตัวเองไม่ได้อินกับสถาณที่เที่ยวใน UK สักเท่าไร ไม่ได้อินกับฟุตบอล หรือ ปราสาทเก่าๆ สรุปเลยได้ไปเที่ยวแต่เมืองสำคัญๆ Edinburgh, Glasgrow, Dundee (ไปบ่อยเพราะมีร้านขายวัตถุดิบจากจีนและของเอเชีย)
ก็จะมีทริปยาวๆ แค่ทริปเดียว คือ ทริป Skye
บอกได้เลยว่า สวยมาก ฮาม แต่หนาว อากาศเปลี่ยนแปลงไปมาๆ เห้ยเมื่อเช้ามันยังแดดดีอยู่เลยนะ ตอนนี้ฝนตกอีกแล้ว ได้ถ่ายรูปกับวัวขน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปล่องเรือดูแมวน้ำ ToT เพราะเขาปิดปรับปรุง
ปล. ตัวเล็กๆว่า จากปีที่แล้ว เกมสายฝนที่นี่และผองเพื่อนออกแบบชนะการแข่งขันประกวดบอร์ดเกมด้วยนะ !!!
Lesson 2018
-
เราจะมีโมเมนต์ขี้แพ้ได้ เจอมันอยู่ตลอดแหละ แต่มันไม่ได้อยู่แบบนี้ไปตลอด
-
อย่ากลัว เปิดโอกาสให้ตัวเองทำอะไรใหม่ๆ ไปลองแล้วจะรู้ว่า เห้ยย ทำได้นะ แถมบางที เราทำมันได้ดีกว่าที่เราคิด
-
ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน ไม่รู้ว่า พรุ่งนี้มันจะเป็นยังไง เราวางแผนได้ ทำมันให้ดีที่สุด แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่า มันมีโอกาสที่ไม่เป็นไปตามแผน มีแผนสำรองไว้ด้วย
-
รักตัวเองให้มากๆ รักครอบครัว ไม่มีอะไรมีค่าไปมากกว่านี้แล้ว
-
ตัวเรา เป็นแค่สิ่งเดียวที่สามารถตัดสินใจว่ามีความสุขรึปล่าว
-
ต้องพัฒนาตัวเองไปอีก เรายังสามารถเรียนรู้ไปได้อีกเยอะ โลกมันกว้างมากๆ
-
Critical thinking is the most important. Each choice has some weakness but you can leverage it within its best condition.
-
Writing is not that hard but it requires consistent daily practice.
Next Target to Do in 2019
-
ปีหน้า ต้องเก็บตังค์พาที่บ้านไปเที่ยวญี่ปุ่น สัญญาไว้แล้ว ก็ต้องทำตามสัญญาให้ได้
-
ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด หวังอยากได้ปริญญาโท with distinction
-
เตรียมตัวเรียนต่อ ป.เอก หวังมหาลัย Top five in UK ต้องเตรียมตัวเองให้มากกว่าเดิม
-
ไม่ละทิ้งการฝึกฝน บังคับตัวเองให้มี Code Challange ทุกอาทิตย์ อย่างน้อย ต้องมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อัพเป็นคลิปสั้นๆได้
-
ชวนเพื่อนไปอิสตันบลู กะ อินเดีย (ผ่านมา 3 ปีก็ยังไม่ได้ไปนะ)
-
M2M month 2 master มีลิสสกิลที่ตัวเองอยากฝึกแล้ว ศึกษาข้อมูล จริงๆพบว่า มันหลอกลวงอยู่หน่อยๆ เพราะว่า คนอื่นไม่ได้เริ่มจาก 0 แต่ก็ต้องกลับไปคิดๆดู