TL;DR
2015 ผ่านไป 2016 ก็เข้ามาแทนที่ ชีวิตก็ยังต้องเดินทางต่อไปข้างหน้า ซึ่งบันทึกนี้ก็ถือเป็นบันทึกการเดินทางตลอด 1 ปีที่ผ่านมาใน 2015 มีทั้งเรื่องราวดีๆ และแย่ แต่ที่แน่ๆ /me ผ่านมันมาได้ และ ปีหน้าจะต้องเป็นปีที่ดีแน่นอน
2015 ก็เป็นอีกปีที่ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ย้อนกลับไปดูภาพปีที่แล้ว อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง ผ่านไปหนึ่งปี ประสบการณ์เยอะแยะที่ได้เจอ คนมากมายที่ได้คุย :))
อย่างน้อย สิ่งหนึ่งที่อยากทำ สานต่อจากปีที่แล้ว คือ เขียนเรื่องราวที่ผ่านมา 1 ปี และตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับปีต่อไป
Memories of 2015
1. สิ่งแรกที่ต้องพูดถึง คือ การเปลี่ยนจาก #วัยเรียน เข้าไปสู่ #วัยทำงาน
ระยะเวลากว่า 20 ปี ผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงทางแยกอีกทางที่ต้องเลือกว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ซึ่งโคตรจะยากเลย มันเป็นครั้งแรกที่ไม่มีเป้าหมายในชีิวิต ตั้งแต่ประถมก็มีเป้าหมายตลอดว่า อยากจะไปเรียนต่อโรงเรียนอะไร พออยู่มัธยม มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเลือกว่า อยากเข้ามหาลัยอะไร คณะอะไร เพราะเรารู้ว่าเราชอบอะไร [#คอม + #แมว] แต่ตอนนี้ เหมือนกำลังอยู่ในจุดที่ ไม่รู้จะต้องเดินต่อยังไง พึ่งเห็นความสำคัญของวิชาแนะแนวก็คราวนี้แหละ เฮ้ออออออ ตอนนั้นเกิดคำถามเยอะมากๆ
- อยากเรียนต่อ หรือ ทำงาน?
- ถ้าเรียนต่อ จะเรียนสาขาอะไร? สนใจเรื่องอะไร?
- ถ้าเรียนต่อ จะเอาทุนมาจากไหน?
- ถ้าเรียนต่อ จะเรียนที่ประเทศอะไร เรียนมหาลัยอะไร?
- ถ้าทำงาน จะทำงานอะไร?
- ถ้าทำงาน อยากอยู่บริษัทเล็กๆ หรือใหญ่ๆ?
- ถ้าทำงาน อยากได้เงินเดือนเท่าไร?
เหมือนทุกๆคำถาม ถามมารัวๆ #ไม่ปล่อยให้หยุดพักบ้างเลยรึไง ซึ่งต้องค่อยๆถามตัวเอง หาข้อดีข้อเสีย ลองผิดลองถูกกันไป ในที่สุดก็เลือกที่จะ ทำงาน เป็น Software Developer @ Maxile co.,ltd ซึ่งเป็นบริษัทเล็กๆ ซึ่งระหว่างนี้ก็หาทุนไปเรียนต่อปริญญาโทต่อไป
2. ลงเรียน 01999031 The Heritage of World Civilizations คนเดียว
เพราะ เป็นวิชาบูรณาการตัวสุดท้ายที่ต้องลง แต่ลืมมมมม เพื่อนๆคนอื่นก็ลงเรียนวิชาในหมวดนี้กันไปหมดแล้ว ผลสุดท้ายเลยต้องลงเรียนคนเดียวเป็นครั้งแรก แถมเป็นวิชานอกภาคซะด้วย #ครั้งแรกมันยากเสมอ ถึงจะเป็นวิชาที่อยากเรียนมากๆ แต่เพราะไม่รู้จักใครเลย ช่วงแรกๆ ถามมตัวเองตลอดเลยนะว่า กรูมาทำอะไรอยู่ตรงนี้เนี๊ยะ! แต่ในที่สุดก็ผ่านมันมาได้ สนุกแล้วชอบมาก สิ่งสำคัญที่ทำให้วิชานี้เป็นจุดเปลี่ยนในปีที่ผ่านมา คือ ได้รู้จัก #ปรัชญา ซึ่งมันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่เคยได้ยินมา
ปรัชญา คือ การตั้งคำถาม แล้วหาคำตอบ อย่างมีเหตุผล มันมีแค่นี้จริงๆ แต่ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ คำถามที่นักปรัชญาถามมันไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่เพราะการกล้าที่จะถาม มันทำให้เราได้กลับมาดูตัวเอง กลับมาคิดว่า เราคิดยังไง เราเป็นยังไง เราต้องการอะไร มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่แค่ใช้เวลาผ่านไป
- คุณเกิดมาเพื่ออะไร?
- ความสุขคืออะไร?
- ความถูกต้องคืออะไร?
ลองหาเวลา แล้วถามตัวเองดูว่า มีคำตอบให้กับคำถามนี้ยังไง แต่ละคนไม่เหมือนกัน ถึงการเรียนแค่นี้ อาจจะไม่ได้เข้าใจสัจธรรมถ่องแท้ แต่อย่างน้อยในปีหน้า เราก็รู้แล้วว่าเรามีความสุขในชีวิตได้ยังไง /// I’m Existentialism.
3. #100Happydays
เริ่มต้นจากการเจอแท๊ก #100happydays ในทวิตเตอร์ 100happydays.com/ เป็น challenge เพื่อให้เราหยุดมองชีวิตในหนึ่งวัน มองหาความสุขเล็กๆแล้วบันทึกไว้ จาก Challenge เล็กๆนี้ มันกลายเป็นบันทึกประจำ(2-3 วัน) ย้อนกลับไปดูแล้วก็ยิ้มเหมือนๆกัน พัฒนาให้มองโลกในแง่ต่างจากเดิม ไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำปัจจุบันให้มีความสุข ความสุขกลายเป็นเรื่องรอบตัว หาง่าย(นั้นคือเป้าหมาย กำลังพยายามให้คิดแบบนั้น แต่โลกความจริงมันน่ากลัววว~) ตอนนี้กำลังเริ่มรอบที่ 2 ละ หวังว่าจะครบ 100 วันเร็วๆ :))
//ถ้าว่าง ก็อยากจะรวบรวมภาพ #100happydays ที่ผ่านมาเหมือนกันแฮะ
4. ICSEC 2015 Conference
ช่วงก่อนที่จะเรียนจบ #โปรเจคจบคือคำหยาบคาย กลายเป็นคำพูดติดปากไปพักนึงเลยทีเดียว เพราะว่าหัวข้อที่ต้องคิด โปรแกรมที่ต้องเขียน เอกสารเยอะแยะที่ต้องเขียน การบ้านที่ต้องทำ เรื่องเรียนก็ต้องสอบ วุ่นวายไปหมด #ถ้าไม่ขี้เกียจก็คงไม่เหนื่อยขนาดนี้ สุดท้ายก็ทำโปรเจคหัวข้อ Parser Generator Using Grammar Flow Graph #คือไร? #งงแปป [เป็นโปรแกรมสำหรับสร้างคอมไพล์เลอร์ภาษาของตัวเอง งงกว่าเดิมละซิ ไว้อธิบายคราวหน้าละกัน ยาว]
แต่ความดีงาม ก็คือ อาจารย์ @Paruj ให้ลอง เอาโปรเจคที่ทำไปเขียนเป็น งานวิจัย ส่ง Conference ที่ เชียงใหม่ และแน่นอนว่าเป็น international conf. แค่ภาษาไทยก็เหนื่อยแล้ว กว่าจะกลั่นออกมาเป็นเอกสารภาษาอังกฤษ ยาว 5 หน้ากระดาษได้ มันไม่ง่ายเลย จริงๆต้องกราบขอบคุณ @Spacez @llChinGll @ป้าแนน @แม่บิ้ว @ratitada ที่ช่วยแก้ เฮ้ออออออ แต่มันก็คุ้มนะ ได้เป็นส่วนหนึ่งของ IEEE อิอิ
5. ได้ทำอะไรๆ คนเดียวมากขึ้น
- ดูหนังคนเดียว
- เที่ยวห้างคนเดียว
- ไปต่างจังหวัดคนเดียว
- กินข้าวคนเดียว
- เรียนคนเดียว …
แลดูเหงานะ แต่ก็นะ ยังไงเราก็ต้องอยู่คนเดียวด้วยตัวเองให้ได้ จะไปพึ่งใครตลอดไปไม่ได้หรอก กว่าจะเข้าใจในเรื่องนี้ก็เพราะได้เริ่มรู้จักปรัชญาแหละ ซึ่งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้แย่นะ มีอิสระ อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องกังวลนู้นนี้
มีแนวคิดนึงเกี่ยวกับ อิสระ ที่ชอบมากๆ เป็นแนวคิดของ Jean Paul Sartre บอกว่า “ทุกคนมีอิสระที่จะเป็น ไม่มีใครสามารถบังคับเราได้ แต่เราก็ต้องรับผิดชอบผลของการกระทำที่เราเลือก” ก็เลยทำให้คิดขึ้นได้ว่า เราอิสระ คนอื่นก็อิสระเหมือนกัน เราจะไปบังคับคนอื่นให้ไปแบบที่เราต้องการทำไม? อย่าไปบังคับใคร ถ้าไ่มีใครอยากทำ ก็ต้องทำด้วยตัวเอง ถ้าตัวเองไม่ทำ ก็ไม่ได้สิ่งที่เราต้องการ ยิ่งบังคับคนอื่น ก็ยิ่งไม่มีความสุข ทั้งเราและเขา อยู่แบบให้อิสระกัน ก็ได้ความสุขแบบ win-win
//// ตัดจบก่อนแฮะ แบตจะหมด มีอีกหลายอย่างที่เข้ามาในปีที่แล้ว แต่มันก็ผ่านมาแล้ว แก้ไม่ได้ ก็ให้เป็นความทรงจำที่ดีไปละกัน
My Life in 2016
ปีหน้า มีเรื่องที่อยากจะทำเยอะสัสๆ จะพยายามทำให้หมดละกันนะ บางเรื่องก็ยังทำไม่ได้ในปีที่แล้ว ปีนี้ก็คงต้องลุยกันต่อไป
- จบเรื่องทหาร
- พาที่บ้านไปจีน (แอบจองทัวร์ไว้แล้วแหละ อยากให้ถึงไวๆจัง)
- พาตัวเองไปอินเดีย
- หาทุนไปเรียนต่อ อเมริกา อยากไปเรียนเกี่ยวกับ Computer Programming Language //จบแล้ว กูดูจะไม่มีงานทำแฮะ
- เลิกเล่น Facebook
เรื่องแฟน คงไม่มีทางไปแล้ว ฮืออออ ปลงตก~ ยังไง อยากได้ ก็ต้องทำ และ ต้องทำให้ได้ อย่าท้อ ปีหน้ามีอะไรดีๆ อีกเยอะให้เจอ เย้ๆ Happy new year 2016.