TL;DR

จะว่าไปแล้วประเด็นที่พูดใน talk นี้ เป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนคงรู้อยู่ลึกๆอยู่แล้ว แต่ Mel Robbins ทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยคำพูดสั้นๆ ซึ่ง /me ขอหยิบสิ่งที่อยู่ใน talk นี้ มาสรุปอีกที เก็บไว้เตือนตัวเอง “Don’t Screwing yourself over”

พักหลัง พบว่าตัวเองวุ่นวายกับการเล่นบอร์ดเกม แท๊บหนึ่งที่เปิดค้างไว้นานมาก จนจำไม่ได้ว่า เปิดไว้ตั้งแต่เมื่อไร พึ่งกลับมาเห็นว่า เป็น TED talk ที่ตั้งใจจะฟังมาตั้งนานแล้ว

จะว่าไปแล้วประเด็นที่พูดใน talk นี้ เป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนคงรู้อยู่ลึกๆอยู่แล้ว แต่ Mel Robbins ทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยคำพูดสั้นๆ ซึ่ง /me ขอหยิบสิ่งที่อยู่ใน talk นี้ มาสรุปอีกที เก็บไว้เตือนตัวเอง “Don’t Screwing yourself over”

Screwing s/n over = “Get s/n into trouble”


Lesson #1

You know what it is, don't analyze it to death, just pick something. That's part of the problem. You won't pick.

เคยถามตัวเองรึปล่าวว่า ตอนนี้ต้องการอะไร? ต้องการมีเงินรวยๆ ต้องการมีแฟน ต้องการกินของอร่อยๆ ต้องการเที่ยวรอบโลก ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ “คุณไม่กล้าเลือก”

หยุดแล้วตัดสินใจเลือกสิ่งที่ต้องการ แล้วตั้งมันไว้ตรงหน้า แล้วบอกตัวเอง นี้คือสิ่งที่เราต้องการ!

Lesson #2

And frankly, getting what you want is simple. But notice I didn't say it was easy.

การจะได้ในสิ่งที่ต้องการมันเรียบง่ายมาก แต่มันไม่ง่าย ตอนนี้เราอยู่ในยุคสมัยที่น่าตื่นเต้นมาก เราสามารถเปิดมือถือ แล้วกดหาตัวอย่างได้มากมาย มีต้นแบบให้เราศึกษาในทุกๆเรื่อง จากนั้นก็เดินตามรอบเท้าของคนเหล่านั้น มันก็ต้องสำเร็จได้แน่นอน

Lesson #3

Because if you're fine, you don't have to do anything about it.

แต่ทำไม เรายังอยู่ในจุดเดิม ทั้งๆที่เรามีข้อมูลทุกอย่างพร้อม ปัญหาคือ กับดักของคำว่า “Fine”

ความต้องการทุกอย่างจบลงได้ง่ายๆ แค่บอกกับตัวเองว่า “ตอนนี้มันก็โอเค” เพราะว่า ตอนนี้มันโอเค จะเปลี่ยนแปลงมันไปทำไม

Lesson #4

If you're crappy, say you're crappy! If you're amazing say you're amazing! Tell the truth!

ซื่อสัตย์กับตัวเอง อย่าให้คำว่า “มันก็โอเค” มาหลอกตัวเอง ถ้ามันแย่ก็บอกตัวเองว่า ตอนนี้รู้สึกแย่ ถ้ามีความสุข ก็บอกตัวเองว่า ตอนนี้แฮปปี้

Lesson #5

Every time you have an idea, what do you do? – Don't hit the snooze!

ไอเดียใหม่ๆ ความท้าทายใหม่ ทุกอย่างเป็นความน่าตื่นเต้น เราสามารถทำมันได้ อย่ากดปุ่ม snooze แล้วผัดวันไปอีก ถึงแม้ความรู้สึกตอนนี้ มันจะโอเคแล้ว แต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราฝันไว้ ปลุกตัวเอง ลุกซิ!!

Lesson #5

You are never going to feel like it.

สิ่งที่เราอยากได้ แน่นอนว่า มันไม่ได้มาง่ายๆ ระหว่างทางที่เราเดินตามหามัน แน่นอนว่า มันเหนื่อย มันไม่สนุกอย่างที่เราคิดหรอก

Lesson #6

Only I describe one side of your brain as autopilot and the other side as emergency brake.

บางทีสมองเรา คงแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ autopilot ที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ กับ emergency brake สำหรับงานใหม่ๆที่พึ่งเคยเจอ แต่แน่นอนว่า ร่างการเราชอบการ autopilot เรามักคุ้นเคยกับการทำงานเดิมๆ แต่มันจะไม่ช่วยพาเราไปจุดที่เราฝันไว้ได้ ท้าทายตัวเองให้มาก

Lesson #7

Scientists call it activation energy. That's what they call the force required to get you to change from what you're doing on autopilot to do something new.

“Activation energy” คือ แรงฮึด เพื่อเปลี่ยนแปลง ตื่นขึ้นมาแล้วตั้งสติ วันนี้เราจะทำอะไร เราต้องการอะไร แล้วลุกขึ้นทำ มันไม่มีวันพรุ่งนี้นะเว้ย

Lesson #8

your body is wired to send you signals. I think when you feel stuck or dissatisfied in your life, it's a signal. And it's not a signal that your life is broken. It's a signal that one of your most basic needs are not being met.

เมื่อไรก็ตามที่ร่างการต้องการอะไร มันจะส่งสัญญาณออกมา เมื่อร่างการต้องการอาหาร เราก็จะเริ่มรู้สึกหิว ร่างกายต้องการน้ำ เราก็เริ่มรู้สึกกระหาย ทำนองเดียวกัน บางทีเมื่อร่างการรู้สึกเบื่อ มันก็อาจจะเป็นสัญญาณ ที่กำลังบอกว่า สิ่งที่เราอยู่ตอนนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการรึปล่าว? เรากำลังต้องการสิ่งใหม่ที่จะเติมเต็มสิ่งที่ขาด?

Lesson #9

if you don't marry it with an action within five seconds, you pull the emergency brake and kill the idea.

อย่าปล่อยให้ไอเดียหลุดไป ลงมือทำ มันมีเวลาแค่ 5 วิเท่านั้นแหละ หลังจากนั้น ไอเดียพวกนั้นก็หายไป แล้วเราก็อยู่เหมือนเดิม

What's interesting about being an adult is that when you become 18, nobody tells you that it's now going to be your job to parent yourself.