TL;DR

หลังจาก /me กลับจากดูหนังเรื่อง Kimi no Na wa (君の名は) หรือ Your Name มีแต่คำว่า ต้องเขียนอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้ เพราะมันทำให้ /me อิ่มเอมมากๆ ทั้งภาพ เนื้อเรื่อง และเพลงประกอบ เอาไปเลย 10/10


ฃ่วงเวลานี้ใครๆก็พูดถึง อนิเมชั่นจากแดนญี่ปุ่นที่ทำรายได้ถล่มทลาย Box office ที่ญี่ปุ่นมาหลายสัปดาห์ ก็มาถึงคราวที่ได้เข้ามาฉายในไทยบ้าง ความจริงหนังเรื่องนี้มีเกือบจะไม่ได้เข้าฉายในไทยเหมือนกัน แต่ด้วยอำนาจที่ทรงพลัง ในที่สุดก็เข้าฉายจนได้ เย้

หนังที่ /me พูดถึงนี้ก็คือ เรื่อง Kimi no Na wa (君の名は) หรือ Your Name ซึ่งเป็นผลงานกำกับของ Makoto Shinkai ซึ่งได้ฝากผลงานชื่อดังไว้ในปี 2007 อย่างเรื่อง 5 Centimeters Per Second ที่ละเมียดละไมทั้งงานภาพและเพลงประกอบ พา /me อินไปกับเพลง One more time One more chance มากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจเนื้อหาของเพลง แต่ก็ทำให้ /me เสียน้ำตา

มาคราวนี้ Kimi no Na wa เป็นเนื้อเรื่องของคู่วัยรุ่นชายหญิง มิซึฮะ(Mitsuha) กับ ทาเคอิ(Taki) ซึ่งอยู่ดีๆก็พบว่าหลังจากพวกเขาหลับ พวกเขาจะสลับร่างกัน จบ! สำหรับใครที่ดู Trailer ก็คงจะได้เนื้อหาคร่าวๆเท่านี้ ซึ่งเนื้อหาต่อจากนี้ คือความสัมพันธ์ที่แปลกๆ และซับซ้อน ที่ทำให้ทั้งสองได้เจอกับปรากฏการณ์ที่พิเศษ

เนื้อหาต่อไปนี้ อาจจะมีบางส่วนเป็น SPOIL

ถ้าแค่สลับร่างกันปกติ หนังเรื่องนี้ก็คงเป็นแค่อนิเมชั่นความรักวันรุ่นธรรมดาๆ

แต่ที่ /me ถึงกับต้องกราบให้กับความเจ๋งของผู้กำกับ Makoto Shinkai คือ ความกล้าที่หยิบหัวข้อซับซ้อนในนิยายวิทยาศาสตร์หลายๆอย่างเข้ามาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการข้ามเวลา การสลับร่าง ความฝัน ความทรงจำ มายำรวมกัน แต่ยังทำให้คนดูเข้าถึงได้ อย่างกระทัดรัด

และ ยังเพิ่มความรสชาติให้กับหนัง ด้วยการเล่าเรื่องที่ไม่ได้เล่าเป็นเส้นตรงแบบที่หนังสลับร่างทั่วไปทำ แต่กลับเล่าสลับไปมาๆ อดีตบ้าง อนาคตบ้าง ไปมาๆ /me ต้องแหกตา(ด้วยสายตาง่อยๆที่สั้นลงทุกทีๆ)เพ่งวันที่ในแต่ละฉาก หวังว่ามันจะมีพลาดบ้าง แต่น่าเสียดายที่พบว่า มองไม่ทัน 555+ ซึ่งการเล่าเรื่องนี้ ทำให้เราเห็นค่อยๆเข้าใจความคิดและความสัมพันธ์ของตัวละคร ได้อย่างแนบเนียบ

จริงๆ แล้ว /me คิดว่า Makoto Shinkai ไม่ได้ตั้งใจกำกับเฉพาะหนังที่เราดูเท่านั้น แต่เขาพยายามที่จะกำกับอารมณ์ของคนดูไปพร้อมกัน โดยการแบ่งหนังยาว 106 นาที เป็นหลายองค์

เริ่มต้นด้วยกันแนะนำตัวละคร และปรากฏการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้น ซึ่งองค์นี้เป็นส่วนปูพื้นฐานให้เราเริ่มความสัมพันธ์กับตัวละคร ซึ่งแทรกมุกและปล่อยหลายๆฉากให้เรายิ้มตามๆกัน แต่ก็ทิ้งปมคำถามว่า ทำไม? มันเกิดอะไรขึ้น? แบบเงียบๆ

แล้วตามด้วยองค์ที่ 2 ที่ปล่อยมาหยุดอารมณ์คนดู แล้วให้ทาเคอิเดินทางตามหาสิ่งที่หาย(หลงลืม)ไป ซึ่งการเดินทางนี้ก็ค่อยๆเติมช่องว่างของคำถามในองค์แรก ซึ่งจุดนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครค่อยๆพัฒนาขึ้นอย่างซับซ้อน

แล้วก็พลิกกลับมาดราม่า อีกครั้งในองค์ที่ 3 ที่ทุกตัวละคร พบคำตอบของตัวเอง ทั้งคำตอบในเชิงความรัก และคำตอบของปัญหาที่เจอแล้วพยายามเพื่อแก้ไข ซึ่งแทรกแง่มุมต่างๆ ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และความเชื่อมาได้อย่างดี

องค์ประกอบที่แบ่งมาเป็นอย่างดีนี้ทำให้เรื่องราวที่ค่อนข้างซีเรียส กลายมาเป็นอาหารที่ย่อยง่ายและเหมาะสำหรับทุกๆคน นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว Your Name ยังมีองค์ประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณ Makoto Shinkai ที่โดดเด่นมาตั้งแต่เรื่อง 5 Centimeters Per Second แล้ว ซึ่งก็คือ งานภาพและงานเสียง ที่บอกได้เลยว่าต้องบรรจงมากๆในการทำมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นภาพในฉากสำคัญๆของเรื่องอย่าง ตอนตาวหางตก ก็ออกมาสวยและอลังการณ์ หรือ เป็นฉากเล็กๆ อย่างฉากที่พระเอกและนางเอกเจอกัน ก็ยังมีรายละเอียดที่งดงาม //แอบได้ยินเสียงกระดิ่งแทรกขึ้นมา

สำหรับใครที่ชอบเพลงในเรื่อง ระหว่างรออัลบั้มเพลงประกอบหนัง Your Name ก็ฟัง original mv. ไปพลางๆก่อนละกัน //จริงๆมี cover ออกมาแล้วในหลายๆ channel :))

และสุดท้าย

นอกจากความเป็นไซไฟ นิยายวิทยาศาสตร์ จุดตายของหนังญี่ปุ่น คือ การหยิบวัฒนธรรม และความเชื่อ ผ่านตัวละครที่เป็นคุณยายของมิซึฮะ และพิธีกรรมต่างๆในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการหมักสาเก ที่เสมือนการแบ่งชีวิตครึ่งนึงของตัวเราถวายแก่เทพเจ้า หรือ การหมัดด้าย เสมือนการเกี่ยวพันกันของชะตากรรม และกาลเวลา บิดกันไปมา บางทีก็ขาด บางทีก็กลับมาต่อกันใหม่ ซึ่งล้วนเป็นอำนาจของเทพเจ้า [ในเรื่อง ก็คือ คำว่า “Musubi”] หรือ ความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย

และยังหยิบเอาความคิดของคนรุ่นใหม่หลายๆคนที่รู้สึกรังเกียจความเชื่อเหล่านี้ ทำให้เราเริ่มเห็นมันเป็นแค่รอยเปื้อนบางๆที่ค่อยๆหายไปกับกาลเวลา บางครั้งมันก็ยังคงอยู่ แต่เหตุและผลของมันก็ค่อยๆโดนลืมเลือน ทำเราแบบนี้เพราะแค่เมื่อก่อนเราก็ทำแบบนี้

มีประเด็นอีกหลายจุดที่น่าสนใจ แต่ถ้าเล่าหมดก็คงทำให้บทความนี้ยาวเฟื้อยจนเกินไป //แค่นี้ก็ยาวแล้วนะเนี๊ยะ

สรุป

ภาพสวย เนื้อเรื่องดีมีเอกลักษณ์ เพลงเพราะ ไม่นามธรรมเกินไป ไม่เศร้าเกินไป และไม่แฟนตาซีจนฟุ้ง ดูจบแล้วรู้สึกหัวใจพองโต เอาไปเลย 10/10

Musubi is the old way of calling the local guardian God. This world has profound meaning. Tying thread is Musubi. Connecting people is Musubi. The flow of time is Musubi. These are all the God’s power. So the braided cords that we make are the God’s art and represent the flow of time itself. They converge and take shape. They twist, tangle, sometimes unravel, break, then connect again. Musubi – knotting. That is time.

ปล1. มาช่วงส่งแรงใจเชียร์ Your Name ชิงออสการ์ปีนี้ด้วยนะฮะ Shinkai’s ‘your name.’ Film Submitted for Oscar Consideration

ปล2. มีบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของผู้กำกับ Makoto Shinkai ด้วยนะ ไปลองอ่านกัน Interview with Makoto Shinkai, Director of Kimi no Na wa.