TL;DR

ทริปที่ 2 พาพ่อแม่และคุณย่าผู้น่ารักไปเที่ยงเมืองจีน ครอบครัวกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ค้ำความคิดแย่ๆ และทำให้ /me ผ่านเรื่องราวแย่ๆไปได้ ครั้งนี้เลยเป็นโอกาสที่ได้บอกกับครอบครัวที่น่ารักว่า “/me จะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกท่านยิ้มกว้างๆอย่างมีความสุข”

กลับมาเขียนบันทึกครั้งที่ 2 เร็วกว่าที่คิดแฮะ

ความจริงคือ ทริปนี้วางแผนตั้งแต่ปีที่แล้ว ใช้เวลาเก็บเงินประมาณ 8 เดือน กว่าจะได้ไป ความเดิมแล้ว ทริปนี้วางแผนจะไปว่ายน้ำที่มัลดีฟย์ //ถ้าได้ไปกับแฟนซักคนก็คงดีเน้อออ แต่ก็ทุลักทุกเล ปรับเปลี่ยนมาเมืองจีนแทน เพราะว่าแม่อยากจะพาย่ามาเที่ยวด้วย นับวันก็ยิ่งแก่ตัวลง ถ้าไม่รีบมาตอนนี้ เดี๋ยวจะไม่ได้ไปไหนอีก

//ภาพตัวเองไม่ค่อยสวย ขอลงภาพของคนอื่นละกัน link

หลังจากตัดสินใจกันได้แล้วว่าจะไปจีน //me เป็นคนเลือกคนเดียว สิ่งแรกที่ต้องเตรียม คือ ทัวร์ เพราะข้อมูลจากการรีวิวและเพื่อนๆที่เคยอยู่จีน บอกตรงกันว่า #จีนไม่ได้ง่ายนะสัส

  • คนจีนมากกว่า 90% พูดอังกฤษไม่ได้
  • ป้ายในจีน จะมีแต่ภาษาจีนล้วนๆ แทบจะไม่มีภาษาอังกฤษ
  • มีคนพยายามหลอกเอาเงินนักท่องเที่ยวเยอะ //ในไทยก็เยอะไม่ต่างกัน
  • ภาษาอังกฤษ ก็ไม่แข็งแรง
  • ตั๋วเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวหลายๆที่ ถ้าไม่ได้ไปกับทัวร์ จะจัดการยากมาก #ถามไกค์มา

ดังนั้น การที่ //me จะอยู่รอดในจีนนั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว สำหรับการเลือกเอเจนต์ทัวร์ก็ไม่ได้ยากนะ เพราะว่า ทัวร์ต่างประเทศ ของแต่ละเอเจนต์จะมีกำหนดการเหมือนๆกัน เพราะว่าถ้าคนมีไม่พอ เขาจะ join จากหลายๆเอเจนต์เข้าด้วยกัน แล้วไปในนาม Go travel #ถามไกค์มา

เอาเป็นว่าท้ายที่สุดแล้ว ลงตัวที่ Three Season Tour ด้วยเหตุผลว่า เป็นเอเจนต์เดียวที่สามารถติดต่อทางเมลล์ได้ เอเจนต์อื่นๆ จะเขียนเมลล์ไว้ทำไมฟร่ะ ถ้าเอ็งไม่ตอบกลับ #ดอกส์ (จริงๆ QE Tour ก็ติดต่อกลับมานะ แต่ช้าไป 1 อาทิตย์) หลายคนอาจจะบอกว่า //me ล่าสมัย เดี๋ยวนี้เขาใช้ LINE กันหมดแล้วนะ #ก็แล้วแต่นะ แยกแยะเรื่อง เทคโนโลยี กับ ความน่าเชื่อถือ กันเองละกัน

ปล. Three Season Tour บริการดีมากเลยนะ ให้ความเคารพลูกค้า ใส่ใจ โดยรวมเอาเป็นว่า ดีอะ

จริงๆ ตอนจองทัวร์ก็มีปัญหาอยู่เยอะเหมือนกัน เรื่องแรก คือ กำหนดการออกช้า ( //me วางแผนเร็วไปรึปล่าว) กว่าจะออกกำหนดการเที่ยวช่วงกุมภา(2559) ก็ต้องรอประมาณ ปลายธันวาปีที่แล้ว(2558) เลยทีเดียว เรื่องที่ 2 คือ ไม่มีคนร่วมทัวร์ เกือบจะไม่ได้ไป เพราะว่าไม่มีคนไปด้วย ลุ้นกันอยู่นานเลยทีเดียว แต่สุดท้ายก็ได้ไปจนได้

วันก่อนเดินทางมาจีน ก็ต้องมาเจอกับปัญหา เรื่องที่ 3 ลุ้นระทึกกับเที่ยวบินมากรุงเทพของพ่อแม่ย่า เพราะช่วงที่ไป ดันมีประท้วง Nokair ต้องยกเลิกเที่ยวบินกันรัวๆ แต่โชคดีที่เที่ยวบินของภูเก็ตไม่มีผลกระทบมาก แค่เลื่อน 3 รอบเท่านั้นเอง #สัส

กว่าจะพร้อม เล่นเอาเหนื่อยเลยทีเดียว นอกจากนี้ เที่ยวรอบนี้เป็นการออกแรดต่างประเทศครั้งแรกของคนอื่นๆในครอบครัว ดังนั้นหลายๆอย่างจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่ ต้องเตรียมตัวมากกว่าไปเที่ยวปกติ ต้องหาเสื้อกันหนาว ลองจอน ถุงเท้า รองเท้า แลกเงิน พาสปอร์ต บลาๆ เสียเงินกับการเตรียมตัวไปเป็นหมื่นเลยทีเดียว แต่ยังไงๆ แต่ละคนเหมือนจะสนุกกับการเตรียมตัวมาก เห่อกันไม่ใช่น้อย เห็นเขามีความสุขกันก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ :))

หลังจากทุกอย่างพร้อม ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย จนได้ออกเดินทางจริง คือ วันที่ 24 กพ 2559 //ต่อกับบันทึกเดินทางครั้งที่ 1 เลย เรียกได้ว่า ลาพักร้อนแบบยาวๆ #เกือบโดนไล่ออกแล้วเชียว

เริ่มออกเดินทาง Let’s goooo~

//คนถือไมค์เป็นหัวหน้าไกค์ ดูแลทุกๆคนในทริปนี้

วันที่ 1 ก้าวแรกที่จีน แน่นอนว่า ก่อนไปจีน //me ได้ศึกษามาเป็นอย่างดีแล้วว่า #จีนหนาวมาก ชนะ #ลำปางหนาวมาก แบบขาดลอย แต่โชคดี ช่วงที่ไปเป็นช่วงกำลังสิ้นฤดูหนาว ถือว่าไม่หนาวมากเท่าไร หนาวกำลังดี ก้าวแรกเลยโดนต้อนรับด้วยอุณหภูมิ -5 C #กูยังไม่พร้อม #ขอซัก10Cก่อนได้ไหม๊ ลงจากเครื่องบินแล้วสั่นเลยจ้าาาาา

อย่างที่บอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว บรรยากาศภายในจีนเลยดูเศร้านิดๆ ต้นไม้ผลัดใบกันหมด เหมือนคนน้อยๆ เหงาๆ ลมหนาวๆ ถ้าอยู่คนเดียวบรรยากาศแบบนี้อาจจะต้องฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว

กำหนดการแรก เดินพระราชวังกู่กง [พระราชวังต้องห้าม] พระราชวังโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าพระราชวังก็จะมีจตุรัสเทียนอันเหมิน จตุรัสที่จุคนได้ถึงล้านคน ใหญ่ที่สุดในโลกเหมือนกัน ตามคอนเซปประเทศจีน #เล็กๆไม่ใหญ่ๆทำ เดินไปก็บ่นไป ทั้งใหญ่ทั้งยาว แถมมีลมหนาวพัดมานิดๆด้วย คนเยอะมาก แต่ถ้าเป็นช่วงตรุษจีน คนจะเยอะกว่านี้อีก #ไกค์บอกมา

//ถ่ายยังไงให้สวยแบบนี้ โอ๋ สอนฉันที link

เดินไปก็ฟังบรรยายไป พระราชวังนี้มีอายุเกือบ 600 ปี แต่ความจริงแล้ว หลายร้อยปีที่ผ่านมา มีพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้น แล้วทำลายไป เยอะมากๆ แต่ละราชวงศ์ที่ขึ้นมาปกครอง ก็จะทำลายเมืองเก่าของราชวงศ์เดิม ถ้าพระราชวังเก่ายังเหลืออยู่ ประเทศจีนคงจะต้องอลังการมากกว่านี้มากๆ #ไกค์บอกมา

หลังจากเที่ยวก็กินข้าว เรื่องอาหารของจีน นิยามได้ด้วยคำ 2 คำ มัน+จืด แต่ต้องเขียน มัน ตัวโตๆ ทุกจานต้องมีน้ำมัน มันมาก มันจนเลี่ยน แต่ยังไงก็ต้องแดร๊กกันต่อไป

หลังจากอิ่มท้อง ก็เดินต่อที่ถนนหวังฟู่จิง บรรยากาศก็คล้ายๆกับ ถนนข้าวสาร(ไม่มีปิงปองโชว์)น้ันแหละ แปลกตาดีเหมือนกัน

แล้วเดินทางต่อไปยังหอฟ้าเทียนถาน

แต่ความจริง หอฟ้าเทียนถาน ก็คือ สวนลุมของคนจีนนั้นเอง มันเป็นสวนกว้างมากๆ แต่ช่วงที่ไปเป็นช่วงหน้าหนาวคนจีนเลยไม่ออกมาเดินเล่นกันเยอะเท่าไร สวนนี้มีเก็บตังค์ค่าเข้าเป็นรายปี(เป็นเงินสำหรับบูรณะ)ซะด้วย แต่ก็ยังมีคนมาอยู่เยอะแยะ ยังกับเข้าฟรี เจ๋งๆๆ

ปกติ คนที่มาเดินเล่นที่หอฟ้าเทียนถาน จะเป็นแก๊งคนแก่ มาออกกำลังกายที่นี้ รำไทเก๊ง รำกระบอง หรือ แม้แต่ รำพัด ที่เห็นคนมุงๆอยู่ มันคือ แก๊งเล่นไพ่นะฮะ จริงจังกันสัสๆ แถมตำรวจไม่จับซะด้วย เกร๋ๆ

และ กำหนดการสุดท้ายของวันนี้ ก็คือ การแสดงกายกรรมปักกิ่ง

ก่อนไปดู ด้านนอกเป็นตึกเก่าๆ กากๆ ก็นึกว่าแค่เต้นโง่ๆ แต่ความจริงคือ อลังการงานสร้างมาก เช่นๆ นั่งซ้อนจักรยาน 10 คน หมายถึง ปั่นคนเดียว มีคนขี่คอต่อๆกัน 10 คน OMG; ขับมอเตอร์ไซท์ในลูกเหล็กเล็กๆ 6 คัน บลาๆ แค่เล่าให้ฟังอาจจะดูไม่อลัง ต้องมาดูเอง ฟินเห้ๆๆ

//ไม่ค่อยมีรูปประกอบ เพราะแบตหมด

ในที่สุดก็จบไปอีกหนึ่งวัน เข้าพักที่โรงแรม 4 ดาว ชื่อ Holiday Inn

ในโรงแรมก็มีเรื่องให้เล่าอีก แต่มันจะยาวเกินไป เดี๋ยวมาต่อ ตอนที่ 2 ละกัน

ปล. ทริปนี้แอบพาย่ามาด้วย จริงๆก็คิดอยู่นานนะ เพราะว่า แต่ละที่ที่จะต้องไป มันเดินเยอะมากๆ แค่วันแรกก็ต้องเดิน 4 km แล้ว ไม่รู้ย่าจะเดินไหวรึปล่าว แต่ยังดีที่พี่หัวหน้าทัวร์หาวิลแชร์เตรียมไว้ให้คุณย่า เลยไม่ต้องลำบากเท่าไร(เช่าได้ราคาวันละ 240 yuan) แต่วันอื่นๆ ก็ยืมวิลแชร์จากโรงแรมได้ ใครจะพาคนแก่ๆไป ไม่ต้องกังวล ที่จีนมีทางสำหรับวิลแชร์พร้อมมาก #มองมาที่ไทย?